เอกสารเพิ่มเติม : ดาวน์โหลดเอกสาร PDF
ภายใต้หัวข้อ “Leadership for Change 2013 พลังพลเมืองกับการพัฒนาที่สมดุล”
สรุปข้อเสนอโครงการ
อบรมผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่น ๔ (Leadership for Change)
มูลนิธิสัมมาชีพ
๑. ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงาน/โครงการ
๑.๑ ชื่อหน่วยงาน : มูลนิธิสัมมาชีพ (Right Livelihood Foundation)
๑.๒ ที่ตั้ง : ๑๑๑๑/๒๓ เดอะฮาบิแทท แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ๑๐๓๑๐
๑.๓ หมายเลขโทรศัพท์ : ๐ ๒๕๓๐ ๙๒๐๔-๕ โทรสาร ๐ ๒๕๓๐ ๙๒๐๖
๑.๔ ประเภทหน่วยงาน : มูลนิธิ
๑.๕ ก่อตั้งเมื่อ : ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒
๑.๖ ชื่อโครงการ : โครงการอบรมผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Leadership for Change)
๑.๗ ผู้อำนวยการโครงการ : ดร.เพ็ชร ชินบุตร
๒. ลักษณะโครงการ โดยย่อ
๒.๑ โครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Lesdership for Change) เป็นโครงการฝึกอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ ภายใต้มูลนิธิสัมมาชีพ เพื่อสร้างความตระหนัก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและขยายผลสู่เครือข่ายความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในกลุ่มผู้นำทุกภาคส่วนให้กับสังคมไทย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการผลักดันและหลอมรวมภาคการเมืองและประชาสังคม ให้ดำเนินธุรกิจกรรมทางสังคมอย่างสร้างสรรค์ที่ก้าวเดินไปพร้อมกันกับความสุขของชุมชน และนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของประเทศไทย
๒.๒ กิจกรรมในการฝึกอบรมประกอบด้วย
๐ กระบวนการเรียนรู้จากพี่เลี้ยงทางความคิด เพื่อการเข้าใจโลก เข้าใจประเทศไทยและ
เข้าใจตน เพื่อสร้างสังคมอุดมสุข
๐ กระบวนการเรียนรู้กิจกรรมตกผลึกขั้นต้นเพื่อเข้าใจว่า “ประเทศไทยคืออะไรสำหรับตน”
๐ กระบวนการเรียนรู้กิจกรรมตกผลึกกับพี่เลี่ยงอาวุโส เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด “การสร้างสังคมอุดมสุขที่เป็นไปได้จริง”
๐ กระบวนการเรียนรู้กิจกรรม “พลังพลเมืองกับการพัฒนาที่สมดุล”
๒.๓ กิจกรรมสนับสนุนการฝึกอบรมประกอบด้วย
๐ การบริหารจัดการโครงการ สร้างผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Leadership for Change)
๐ การประชาสัมพันธ์และการสื่อสารสาธารณะ
๓. เป้าหมายการดำเนินงาน
มีผู้นำรุ่นใหม่เข้ารับการอบรมและผ่านการอบรมตามหลักสูตรฯ ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คน ในปี ๒๕๕๖ (รับ ๑๕๐ คน/รุ่น)
๔. ระยะเวลาดำเนินงาน ๑๒ เดือน (มกราคม – ธันวาคม ๒๕๕๖)
ระยะที่ ๑ เตรียมงานโครงการ มกราคม – ตุลาคม ระยะเวลา ๑๐ เดือน
ระยะที่ ๒ ฝึกอบรมฯ ระยะเวลา ๔ สัปดาห์
- รุ่น ๔ อบรมฯ เดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม
ระยะที่ ๓ วิเคราะห์/สรุปผลและปิดโครงการธันวาคม ๕๖-มกราคม ๕๗ ระยะเวลา ๒ เดือน
ชื่อโครงการ โครงการอบรมผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (Leadership for Change)
ประเภทโครงการ การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม
Foundation Unit Leadership for Change (LFC)
ผู้อำนวยการโครงการ ดร.เพ็ชร ชินบุตร
______________________________________________________________________
๑. หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในจุดที่เปราะบางอย่างที่สุด (Extremely Vulnerable Position) ทั้งนี้หากมองย้อนกลับไปเพียงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องประสบกับภาวะ “วิกฤติซ้ำซาก” ถึง ๓ ครั้ง เริ่มต้นจากวิกฤติต้มยำกุ้งในปี ๒๕๔๐ วิกฤติทางการเมืองระหว่างปี ๒๕๕๑-๒๕๕๔ และล่าสุดก็ต้องเผชิญกับมหาอุทกภัย ในช่วงปลายปี ๒๕๕๔ จะเห็นได้ว่า ระดับความรุนแรงและความเสียหายเพิ่มระดับมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาอุทกภัยครั้งล่าสุด และประเทศไทยได้ยกระดับขึ้นสู่ความเสี่ยงแล้วทั้งระบบ ปรากฎการณ์ที่ส่งผลทำให้ประเทศไทยอยู่บนความเสี่ยงทั้งระบบ เป็นผลสืบเนื่องมาจากความสุดโต่ง (Age of Extremity)ของระบบโลกครอบคลุมในหลากมิติไม่ว่าจะเป็น ๑) ความสุดโต่งของธรรมชาติ (Nature Extremes) อาทิ น้ำท่วม ภัยแล้ง และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ซึ่งนับวันจะมีปริมาณและระดับความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ๒) ความสุดโต่งทางเศรษฐกิจ (Economic Extremes) อาทิ การเกิดวิกฤติหนี้ในสหภาพยุโรปที่อาจนำไปสู่การแตกของสหภาพยุโรป (Eurozone) หรือปรากฏการณ์ต่อต้านระบบทุนนิยม (Occupy Wall Street) และ ๓) ความสุดโต่งทางการเมือง (Political Extreme) อาทิการรวมตัวกันต่อต้านผู้นำเผด็จการในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (Arab Spring) และการอุบัติขึ้นของวิกีลิกส์ (Wiki Leak) ตลอดจนถึง ๔) ความสุดโต่งทางสังคม (Social Extreme) อาทิ ความเหลื่อมล้ำระหว่างพวกรวยล้นเหลือ (Extreme Riches) กับคนที่เหลือในเกือบทุกภาคส่วนของโลก หรือการแย่งชิงทรัพยากรระหว่างคนต่างพื้นที่อันเนื่องมาจากความสุดโต่งของธรรมชาติ
เมื่อประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า สะท้อนประเด็นปัญหาด้านความมี “เสถียรภาพ” การเป็นประเทศที่มีความเปราะบางอย่างที่สุดซึ่งสะท้อนปัญหาทางด้าน “ความยั่งยืน”และการเผชิญกับความเสี่ยงทั้งระบบสะท้อนประเด็นปัญหาทางด้าน “ความมั่นคงปลอดภัย” ในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน ชุมชนซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดและเป็นฐานที่สำคัญของประเทศ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากภายนอก ได้แก่ พลวัตรการแข่งขันกันในทางเศรษฐกิจและสังคมโลกฯ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน “ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ และระดับความเจริญที่แตกต่างกันระหว่างสังคมเมืองกับชนบท” (จดหมายเหตุ ๑๐ ปี พอช. ๒๕๓๕-๒๕๕๓) กล่าวคือ ช่องว่างในทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมการเกษตรที่พึ่งพิงปัจจัยการผลิตจากภายนอกและพึ่งพาตลาดภายนอกเป็นหลัก การเข้าไม่ถึงการศึกษาหาความรู้ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนา รวมถึงความเท่าเทียมกันในกระบวนการพัฒนาของประชาชนในเมืองและชนบท
สาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ส่งผลให้สังคมไทยตกอยู่ในภาวะสภาพปัญหาเก่าที่ไม่ได้รับการแก้ไข และปัญหาใหม่อันซับซ้อนถั่งโถมเข้าสู่สังคมอย่างไม่จบสิ้น ยังไม่นับรวมผลกระทบจากการเปิดประชาคมอาเซียน ปี 2558 ที่มีผลกระทบต่อชุมชนและแรงงานไทย ดังนั้น เมื่อสังคมไทยมิอาจหันหลังให้กับ โลกาภิวัฒน์ (Globalization) ได้ ท่ามกลางวิกฤติการณ์โลก ประเทศไทยควรปรับแนวทางการพัฒนาแบบใหม่ เสริมสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ จิตสำนึกใหม่ของการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนและสังคมไทย
ด้วยเหตุนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนในชาติบ้านเมือง ต้องร่วมมือเพื่อสร้างระบบของสังคม (ที่มีความละเอียดอ่อนในทุกมิติ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้นำชุมชน” ที่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันและร่วมปฏิรูปประเทศไทยให้ก้าวพ้นกับดักความเหลื่อมล้ำ หลุดพ้นจากการพัฒนาแบบเดิมที่เน้นการเตรียมผู้คนเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (People for Growth) โดย ๑) ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง ๒) ใช้ชุมชนท้องถิ่นที่เป็นฐานและพลังของแผ่นดิน และ ๓) ใช้ภาคเอกชน CSR ซึ่งมี จุดแข็งด้านการบริหารจัดการ ให้ก่อเกิดเป็นความร่วมมือร่วมขับเคลื่อนเพื่อพลิกฟื้นชุมชนและสังคมให้มีดุลยภาพ สู่การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานและสิ่งใหม่ที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน
ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศไทยควรยกเครื่องประเทศไทยทั้งระบบ (Time for a Real Reform Agenda) “ปรับเปลี่ยนเชิงฐานราก” ในทุกมิติ ทั้งมิติทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การเมือง รวมถึงเร่งติดอาวุธ คือ “ปัญญา” เพื่อพัฒนาคนให้สอดคล้องและให้รู้เท่าทันสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของระบบโลกและประเทศชาติ ให้ตระหนักถึงการหาแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างถูกต้อง ก่อเกิดเป็นทางออกในการขับเคลื่อนเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันแบบบูรณาการ ตลอดจนนำไปสู่การขยายผลในมิติทางด้านปัญญาสู่การปฏิบัติอย่างถูกต้องด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ร่วมกันต่อไป
๒. วัตถุประสงค์การพัฒนา “โครงการสร้างผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง” (Leadership for Change)
๒.๑ เพื่อถ่ายทอดทักษะความรู้ สำหรับการเป็นผู้นำที่สามารถสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับองค์กร พื้นที่ และสังคมไทย
๒.๒ เพื่อสร้างจิตสมดุลระหว่าง การเข้าใจโลก เข้าใจประเทศไทย เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและสำนึกรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ในท้องถิ่นของตนเองรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
๒.๓ เพื่อระดมสมองในการสร้างรูปแบบกิจกรรมทางสังคมที่เหมาะสม ในการเข้าช่วยแก้ปัญหา รวมทั้งตอบสนองความต้องการของสังคม
๒.๔ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายสร้างสรรค์เพื่อสังคม ระหว่างชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ ในการสรรค์สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพื่อสังคมอุดมสุขที่ยั่งยืนในประเทศไทย
๓. กลุ่มเป้าหมาย
๓.๑ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกภาคส่วน ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด, นายกเทศมนตรีเทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้ง ๕ ระดับ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยร้อยละ ๑๐
๓.๒ ผู้นำชุมชน เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำธรรมชาติ องค์กรพัฒนาเอกชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยร้อยละ ๒๐
๓.๓ ผู้แทนองค์กรภาคี/เครือข่าย เช่น พอช. สสส. สกส. สสค. สช. ร้อยละ ๑๐
๓.๔ ผู้แทนหน่วยงานราชการ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด แพทย์ ทหาร ตำรวจ ครู สหกรณ์หอการค้า ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยร้อยละ ๓๐
๓.๕ ผู้นำองค์กรภาคธุรกิจ/ผู้นำภาคประชาสังคม/ผู้ประกอบการเพื่อสังคม ร้อยละ ๒๐
๓.๖ ผู้แทนสถาบันการเงิน เช่น ตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ ร้อยละ ๑๐
**ทั้งนี้ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
๔. ระยะเวลาดำเนินงาน ๑๒ เดือน (มกราคม – ธันวาคม ๒๕๕๖)
ระยะที่ ๑ เตรียมงานโครงการ มกราคม – ตุลาคม ระยะเวลา ๑๐ เดือน
ระยะที่ ๒ ฝึกอบรมฯ ระยะเวลา ๔ สัปดาห์
- รุ่น ๔ อบรมฯ เดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม
ระยะที่ ๓ วิเคราะห์สรุปผลและปิดโครงการธันวาคม ๕๖-มกราคม ๕๗ ระยะเวลา๒ เดือน
๕. ผลผลิต ผลลัพธ์ และตัวชี้วัดความสำเร็จ
๕.๑ ผลผลิต
๕.๑.๑ ผู้นำทุกภาคส่วนฯ ได้รับการฝึกอบรมตามหลักสูตร “สร้างผู้นำ-นำการ
เปลี่ยนแปลง” ๑๐๐ คน ในปี ๒๕๕๖ (รับ ๑๕๐คน/รุ่น โดยต้องผ่านการอบรมไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐)
๕.๑.๒ มีระบบการบริหารโครงการฯ และหลักสูตรที่เข้ากับยุคสมัย สามารถรองรับการขยายผล
๕.๑.๓ มีการติดตามประเมินผลเพื่อพัฒนาหลักสูตรฯ ให้มีประสิทธิภาพ
๕.๑.๔ มีกระบวนการสื่อสารสารธารณะ ที่สามารถรองรับการระดมทุนและขยายผลการฝึกอบรมเพิ่มเติมได้ต่อไป
๕.๒ ผลลัพธ์
๕.๒.๑ มูลนิธิสัมมาชีพและภาคี มีการดำเนินงานเชิงรุก เพื่อสร้างความพร้อมให้กับผู้นำรุ่นใหม่ให้สามารถขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพทางด้านการประกอบอาชีพและสังคม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้านความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ให้กับสังคมไทย
๕.๒.๒ ผู้นำทุกภาคส่วนฯ มีความตระหนักและก่อเกิดเป็นเครือข่ายความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ในการสร้างกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมไทย อันจะก่อให้เกิดการผลักดันและหลอมรวมภาคประชาสังคม รวมถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมที่ก้าวเดินไปพร้อมกันกับความสุขของชุมชน และนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง
๖. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
๖.๑ จำนวน ผู้นำทุกภาคส่วน เข้ารับการอบรมไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ในปี ๒๕๕๖(รับ ๑๕๐คน/รุ่น)
๖.๒ จำนวน ชั่วโมงที่ผู้นำทุกภาคส่วน เข้ารับการการอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐
๖.๓ จำนวน ผู้นำทุกภาคส่วน ผ่านการอบรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐
๖.๔ จำนวนเครือข่ายความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ๑ เครือข่ายในปี ๒๕๕๖
๖.๕ มีแนวทางพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานของมูลนิธิฯ อย่างมีส่วนร่วมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๖.๖ มีกิจกรรมระดมทุนได้ร้อยละ ๑๐๐ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมในโครงการฯ
๖.๗ มีหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินงาน/ส่งรายงานความก้าวหน้าให้ผู้บริหาร แหล่งทุน ถูกต้อง ครบถ้วน ตามแผนที่กำหนด
ตารางอบรมโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 4 | |
วันที่ 23 -24 พ.ย. 56 และ วันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 56 | |
SOCIAl | LOCAL TREND (I) |
(Week 3) | (Week 4) |
Sat : 23 Nov 2013 | Sat : 30 Nov 2013 |
08.30-09.00 : ลงทะเบียน | 08.30-09.00 : ลงทะเบียน |
09.00-10.30 : Session 13 (ปาฐกถาพิเศษ) | 09.00-12.00 : Session 20 |
: ทำไมธุรกิจต้องรับผิดชอบต่อสังคม | CSV กับชุมชนเข้มแข็ง |
๐ คุณธีรพงศ์ จันศิริ | ๐ คุณนันทวัฒน์ ลิมมิตร (อดีตนายก อบต.สาคร จ.สตูล) |
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) | ๐ ดร.วิทย์ สุนทรนันท์ |
10.45-12.00 : Session 14 (ปาฐกถาพิเศษ) | ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) |
: ความรับผิดชอบทางสังคมของภาคธุรกิจ | ๐ คุณธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ |
๐ ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ | ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) |
ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ | MOD : ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ (กรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ) |
13.00-15.00 : Session 15 | 13.00-14.00 : Session 21 (ปาฐกถาพิเศษ) |
: ภาคชุมชนกับความรับผิดชอบต่อการพัฒนาที่สมดุล | : บทบาทหอการค้ากับการเสริมสร้างพลังพลเมือง : ความร่วมมือธุรกิจกับชุมชน |
๐ ศาสตราจารย์กิตติคุณเดชา บุญค้ำ (ศาสตราจารย์กิตติคุณ ม.จุฬา) | ๐ คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ |
๐ คุณพลากร วงค์กองแก้ว (ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน) | ประธานกรรมการหอการค้าไทย |
๐ คุณวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ (ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี) | 14.15-15.15 : Session 22 (ปาฐกถาพิเศษ) |
๐ คุณเจษฎา มิ่งสมร (อนุกรรมการภาคฯ จ.ฉะเชิงเทรา) | : AEC ผลกระทบกับวิถีสังคมไทย |
MOD : คุณประพจน์ ภู่ทองคำ (ประธานกรรมการบริหาร ทัฟครีเอชั่น) | ๐ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ |
15.00-16.00 : Session 16 (ปาฐกถาพิเศษ) | ผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง |
: นโยบายพลังงานและการพัฒนาประเทศ | 15.15-16.30 : Session 23 |
๐ ดร.คุรุจิต นาครทรรพ | มูลนิธิสัมมาชีพกับการสร้างสังคมที่สมดุล |
รองปลัดกระทรวงพลังงาน | ๐ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ (ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ) |
16.00-18.00 : กิจกรรมพิเศษ | ๐ ดร.วีระพันธ์ ชินวัตร (กรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ) |
* แลกเปลี่ยนเรียนรู้/แบ่งตามกลุ่ม | MOD : คุณณรงค์ คงมาก (กรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ) |
17.00-20.00 : กิจกรรมสังสรรค์ | |
Sun : 24 Nov 2013 | Sun : 1 Dec 2013 |
08.30-09.00 : ลงทะเบียน | 08.30-09.00 : ลงทะเบียน |
09.00-10.30 : Session 17 (ปาฐกถาพิเศษ) | 09.00-10.40 : : Session 24 |
: 1 บริษัท 1 ตำบล กับการสร้างสังคมที่ดีกว่า | : นำเสนอรูปธรรมการผนึกพลังพลเมืองเพื่อสังคมที่สมดุล |
๐ นพ.มงคล ณ สงขลา | ๐ LFC 4 |
ประธานกรรมการมูลนิธิสัมมาชีพ | ๐ ผู้แทน LFC 4 นำเสนอการประมวลผล |
10.45-12.00 : Session 18 | 11.00-12.00 : Session 25 (ปาฐกถาพิเศษ) |
: Workshop | : เมืองไทยภายใต้พลังพลเมือง |
๐ คุณทรรศิน สุขโต | ๐ ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ |
ผู้อำนวยการมูลนิธิสัมมาชีพ | รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา มูลนิธิสัมมาชีพ |
13.00-15.00 : Session 19 | 13.00-15.00 : พิธีปิด |
: องค์กรปกครองท้องถิ่นเพิ่มพลังภาคพลเมืองได้อย่างไร | : พิธีปิดโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่น 4 |
๐ คุณพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ (นายกเทศมนตรีนครยะลา) | |
๐ คุณสมชาย จริยเจริญ (นายกเทศมนตรี ต.เมืองแกลง) | |
๐ คุณกนกศักดิ์ ดวงแก้วเรือน (นายกเทศมนตรี ต.แม่ทา) | |
MOD : คุณจอม เพชรประดับ (ผู้ดำเนินรายการ Voice TV) | |
ไม่มีภาพกิจกรรม