ท่องเที่ยว “โลว์ คาร์บอน” กระแสแรง “ปรับ-ลด-ชดเชย” ทุกคนช่วยโลกได้
เที่ยวแบบ “โลว์ คาร์บอน” (Low Carbon Tourism) ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กำลังมาแรง “ไร่ใจยิ้ม ฟาร์มสเตย์” ที่ จ.กาญจนบุรี และ “ชุมชนถ้ำเสื้อ” จ.เพชรบุรี คือ ต้นแบบที่เปลี่ยนกิจกรรมท่องเที่ยว ให้เป็นการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ และพัฒนาไปสู่ธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
ไร่ใจยิ้ม ฟาร์มสเตย์จากจ.กาญจนบุรี นอกจากจะคว้ารางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน” บนพื้นฐานแนวคิดของ BCG Economy Model แล้ว ยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่คว้า 5 ดาวเต็มจากโครงการ STAR (Sustainable Tourism Acceleration Rating) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รวมทั้งเป็นฟาร์มสเตย์ที่ได้รับการส่งเสริมจากททท.ในการพัฒนาธุรกิจและกิจกรรมท่องเที่ยวที่จัดการด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism)
ทางไร่ได้พัฒนากิจกรรม “ปรับ – ลด – ชดเชย” ขึ้น เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวแบบปกติ เป็นการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ และจะพัฒนาไปสู่การเป็นต้นแบบธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ต่อไป
กฤษณ์ รุยาพร และสุภาวดี รุยาพร สองผู้ก่อตั้งไร่ใจยิ้ม ให้ทัศนะร่วมกันว่า การทำกิจกรรมโลว์คาร์บอน รวมถึงการท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน “ไม่ใช่เรื่องไกลตัว” ทุกคนสามารถทำได้ และไร่ใจยิ้มเองได้ออกแบบการท่องเที่ยวรักษ์โลก ผ่านกิจกรรมในฐานการเรียนรู้ต่างๆ ตามแนวคิด ปรับ –ลด –ชดเชย
โดยแต่ละ “ฐานการเรียนรู้” จะมีการคำนวณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และจะถูกชดเชยด้วยการปลูกต้นไม้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้รับใบรับรอง (Certificate) ว่ามีส่วนร่วมลดโลกร้อนด้วย
เป็นการสร้างความตระหนักรู้ว่า สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเอง
ตัวอย่างกิจกรรมปรับ – ลด – ชดเชย ก็เช่น การเปลี่ยน “waste เป็น “wealth” หรือสร้างกระบวนการเรียนรู้ นำของเสียมาสร้างมูลค่าจากการแยกขยะ การเรียนรู้การนำขวดพลาสติกกลับมาเป็นน้ำมัน การนำขยะจากใบไม้มาทำปุ๋ย การนำเศษอาหารไปเลี้ยงไก่ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีน การทำโครงการธนาคารน้ำใต้ดินโดยนำน้ำที่ใช้แล้วอัดลงดิน สร้างความชุ่มชื้นให้กับดินในบริเวณดังกล่าว
ขณะที่อาหารที่ใช้ทานจะเน้นวัตถุดิบในชุมชนให้มากที่สุด เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการขนส่ง มีการเรียนรู้ว่าการปรุงอาหารแต่ละประเภทจะปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์แตกต่างกันอย่างไร ต้องกลับไปปลูกต้นไม้ชดเชยกี่ต้น และการทานอาหารให้เพียงพอ ไม่มีของเหลือ เพื่อลดการสร้างขยะให้กับโลก สิ่งเหล่านี้จะเป็นคุณค่าที่นักท่องเที่ยวได้กลับไป “ฮีลใจ” นอกเหนือจากการมาท่องเที่ยวพักผ่อน
นอกจากนี้ยังมีฐานการเรียนรู้คืนระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อม กับกิจกรรม “บ้านรังนก” เพื่อคืนนกให้กับป่า โดยกฤษณ์ระบุว่า ที่ผ่านมาแม้มีการปลูกป่ามากมายในหลายพื้นที่ แต่ระบบนิเวศน์ป่าไม่คืนมา นกไม่คืนรัง ไร่ใจยิ้มจึงได้ศึกษาในเรื่องนี้ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับชุมชนถึงการแก้ไขปัญหา เช่น สำรวจชนิดของนก การออกแบบรังนกให้เหมาะสม เป็นต้น
“การท่องเที่ยวโลว์คาร์บอนที่ไร่แห่งนี้ จะเน้นให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกใบนี้อย่างสมดุล ได้ทำกิจกรรมจริงๆ ได้ทักษะ และเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลใจตัวเอง เพื่อจะสร้างสมดุลให้กับโลกใบนี้มากขึ้น” กฤษณ์กล่าว
ชุมชนถ้ำเสื้อ จ.เพชรบุรี เป็นอีกหนึ่งในชุมชนที่ททท. ส่งเสริมให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ “สุเทพ พิมพ์ศิริ” ประธานกลุ่มธนาคารต้นไม้ บ้านถ้ำเสือ ระบุถึงกิจกรรมของกลุ่มว่า จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ร่วมมือกันปลูกต้นไม้ ดูแลดิน ป่า แหล่งน้ำ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน ตามแนวคิด ปรับ- ลด – ชดเชย ผ่านกิจกรรมหลักของชุมชนฯ คือนำนักท่องเที่ยวเดินป่าและทำขนมไทยย้อนยุค
โดยการ “ปรับ” และ “ลด” จะดำเนินการผ่านลดการใช้พลาสติก โฟม ลดการใช้สารเคมี ใช้ผักเกษตรปลอดภัยในพื้นที่ในการประกอบอาหาร ลดการกินอาหารฟุ่มเฟือย กินแต่พอเหมาะ เศษอาหารที่เหลือจะนำมาทำเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังลดการจับจ่ายสินค้านอกชุมชน เพื่อลดการขนส่ง ใช้สินค้าในชุมชนให้มากที่สุดผ่านการประกันราคาจำหน่าย
ขณะที่การ “ชดเชย” ชุมชนฯจะสื่อสารให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อโลก ดูแลสิ่งแวดล้อมในฐานะพลเมืองโลก และมีกิจกรรมปั้นเมล็ดพันธุ์กระสุน เพื่อให้นักท่องเที่ยวปลูกป่าผ่านการยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น
“นักท่องเที่ยว 1 คน ต่อ 1 ชีวิต เราควรจะคืนอะไรให้กับแผ่นดิน คืนให้ชั้นบรรยากาศ กิจกรรมท่องเที่ยวถือเป็นการปล่อยคาร์บอน ดังนั้นนักท่องเที่ยวก็ต้องมีส่วนชดเชยผ่านการปลูกต้นไม้ หรือหาแนวทางลดการปล่อยคาร์บอน เช่น นักท่องเที่ยวที่นำรถส่วนตัวเข้ามาเที่ยวในชุมชน ถ้ามากัน 20 คน รถส่วนตัว 20 คัน ก็ต้องจอดรถส่วนตัวไว้ แล้วนั่งรถของชุมชนรวมกัน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงการจัดเส้นทางท่องเที่ยวให้ลดการปล่อยคาร์บอนมากที่สุด เป็นต้น”
นี่คือตัวอย่างของฟาร์มสเตย์ และชุมชนท่องเที่ยว ที่ออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้รับความสนุกสนาน ได้พักผ่อนแล้ว ยังได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลโลกใบร่วมกัน ไปจนถึงสร้าง “พฤติกรรมรักษ์โลก” ที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง