ตามไปดู 3 วิสาหกิจชุมชนรางวัลต้นแบบปี 60 กับบทบาทในการขยายผลงานสู่ชุมชน
ตามไปดู 3 วิสาหกิจชุมชนรางวัลต้นแบบปี 60 กับบทบาทในการขยายผลงานสู่ชุมชน
เมื่อปี 2560 เป็นปีแรกที่มูลนิธิสัมมาชีพมอบรางวัลให้กับวิสาหกิจชุมชนและเอสเอ็มอีต้นแบบสัมมาชีพ โดยรางวัลวิสาหกิจชุมชนแบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทการบริการและการท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ประเภทการเงินและออมทรัพย์ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนบ้านดอนคา จังหวัดนครศรีธรรมราช และประเภทเกษตรและแปรรูปผลิตภัณฑ์ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชน บ้านอุ่มแสง จังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้รายงานฉบับนี้จะติดตามความคืบหน้าในการขยายผลงานวิสาหกิจชุมชนทั้ง 3 แห่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
ขยายผลวิสาหกิจชุมชนบ้านนาต้นจั่น
ในปี 2561 นี้มูลนิธิสัมมาชีพได้ขยายผลการทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชน บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัยที่ได้รับรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ ปี 2560 ประเภทการบริการและการท่องเที่ยวโดยชุมชน มีนางเสงี่ยม แสวงลาภ เป็นประธาน ด้วยความที่เป็น นักคิด นักพัฒนา นักสรรสร้าง จึงรวมกลุ่มอาชีพกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อชุมชนคู่ขนานกับการประกอบธุรกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ผ้าทอที่มีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วยหลักการดำเนินงานตามวิถีชุมชนของสัมมาชีพ จนประสบความสำเร็จในการประกอบการเป็นที่ยอมรับ ของผู้เกี่ยวข้องและสาธารณะ
ปี 2561 มูลนิธิสัมมาชีพร่วมถอดบทเรียนความสำเร็จดำเนินการขยายผลยกระดับชุมชนบ้านนาต้นจั่นเป็นโรงเรียนสอนการท่องเที่ยวโดยชุมชนและแหล่งเรียนรู้ภายใต้ท่องเที่ยวชุมชน “ชุมชนเพื่อชุมชน” สร้างสรรค์ประกอบการจากสิ่งที่มีอยู่ จากผู้นำนักพัฒนาความเปลี่ยนแปลงและลงมือทำอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อกระตุ้นยอดการท่องเที่ยวชุมชน และการตลาดท่องเที่ยวระดับประเทศที่สัมผัสตรงกับประสบการณ์นักท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน พร้อมให้บริการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม ศิลปะประเพณี วัฒนธรรมพื้นถิ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงใกล้เคียงกับชุมชนด้วยความรู้ เรื่องราวที่น่าติดตามตลอดจน การบริการต่างๆ เช่น โฮมสเตย์ สินค้าของใช้ ของที่ระลึกที่เป็นอัตลักษณ์ชุมชน จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ผสมผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าฝ้ายหมักโคลนจากภูมิปัญญาชาวบ้าน และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม กระบวนการผลิต และทดลองลงมือทำเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีการผลิต จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่งดงาม
นอกจากนี้ยังเปิดให้ชมการสาธิตการทอผ้าใต้ถุนบ้าน การเกษตรที่ดำเนินตามหลักการใช้ทรัพยากรอย่างพอเพียง เพื่อสอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากยกระดับชุมชน รวมถึงพัฒนาสร้างสรรค์โอกาสการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อชุมชน สถานประกอบการจากสิ่งที่มีอยู่ เป็นวิสาหกิจชุมชนสัมมาชีพ สร้างมูลค่าเพิ่ม สินค้าพื้นดินด้วยตลาดสมัยใหม่
ที่สำคัญยังได้จัดกิจกรรมขยายผลเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนไปยังหมู่บ้านอื่นๆ โดยมูลนิธิสัมมาชีพ ได้ร่วมกับ บริษัทไทยเบฟฯ บริษัทประชารัฐสุโขทัย และผู้นำชุมชน ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อหาแนวทางในการพัฒนา และขยายการท่องเที่ยวบ้านนาต้นจั่น มาเป็นการท่องเที่ยวระดับตำบลในรูปแบบเครือข่ายท่องเที่ยวตำบลบ้านตึก เพื่อร่วมกันพัฒนาและการกระจายรายได้ไปหมู่บ้านอื่นๆ ส่งผลให้เกิดการขายผลผลิตของชุมชนได้มากขึ้น และเกิดการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น อ่างเก็บน้ำแม่สิน ตำบลแม่สิน ฝายศรีเชรียง ตำบลบ้านตึกและสวนเกษตรในชุมชนอีกด้วย
วิสาหกิจกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านดอนคา
ในปี 2560 มูลนิธิสัมมาชีพ ได้มอบรางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ ประเภทการเงิน ออมทรัพย์ ให้แก่ “วิสาหกิจออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านดอนคา” จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายวิโรจน์ คงปัญญา ประธานกลุ่มซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลงาน เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล หลังจากได้รับรางวัลแล้วทางวิสาหกิจกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านดอนคา ได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและกำหนดกลยุทธ์ในการทำงานใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยและความต้องการของสมาชิกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางกลุ่มยังร่วมแก้ปัญหาข้อขัดแย้งในการดำเนินงาน สร้างความอยู่ดี มีสุขให้กับสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านดอนคา เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งหมด 3 ข้อ ประกอบด้วย
(1) เพื่อพัฒนาคน ให้มีคุณธรรม เพื่อนช่วยเพื่อน แบ่งปันกันและกัน เกิดการเรียนรู้การทำงานร่วมกัน เคารพในกฎกติกาที่มาจากข้อตกลงร่วมกัน
(2) เพื่อพัฒนาสังคม มีการช่วยเหลือ เอื้ออาทรต่อกัน มีกิจกรรมร่วมกันให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ ที่สำคัญยังร่วมทุนทางสังคมให้กับสมาชิกกลุ่ม และคนในชุมชนด โดยจัดให้มีสวัสดิการตั้งแต่แรกเกิด แก่ เจ็บ ตาย
(3) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนทำให้ชุมชนมีกองทุนเป็นของตัวเอง สามารถนำกองทุนไปประกอบอาชีพได้ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตและการสร้างรายได้ให้กับคนใน ชุมชน
เหนือสิ่งอื่นใด มูลนิธิสัมมาชีพ ยังได้สร้างความตระหนักและเล็งเห็นจุดแข็งของการบริหารจัดการการเงินของกลุ่มวิสาหกิจออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านดอนคา ที่ฝึกให้คนในชุมชน รู้จักการใช้จ่าย การเก็บออม
ที่สำคัญกลุ่มได้นำเงินไปบริหารจัดการให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน จึงขยายแนวคิดการทำงานดังกล่าว ไปสู่กลุ่มออมทรัพย์อื่นๆ โดยการจัดเวที Work Shop แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์นำองค์ความรู้และกระบวนการบริหารจัดการการจัดทำแผนธุรกิจจากผลกำไร การแบ่งปันผลกำไร ตลอดจนเป็นสวัสดิการให้กับสมาชิก
หลักการสำคัญๆ ในนโยบายนี้ คือ
– ทำอย่างไรรวมกลุ่มคนจนให้ได้ ไม่ใช่รวมกลุ่มคนรวย
– เอาทรัพย์มารวมกัน
– มีทรัพย์ทำให้เกิดรายได้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแห่งการเรียนรู้
ในการจัดทำ Work Shop แต่ละครั้งจะมีนายวิโรจน์ คงปัญญา จากออมทรัพย์บ้านดอนคา ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และต่อยอดความคิดดังกล่าว ทำให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจ เครือข่ายขยายผลการดำเนินงาน สร้างแผนธุรกิจให้กับกลุ่มออมทรัพย์อื่นๆประกอบด้วย
- โครงการ “โรงผลิตเส้นขนมจีนสดสมุนไพรเพื่อสุขภาพบ้านทุ่งเคียน” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านทุ่งเคียน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง
- โครงการ “ผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากต้นปาล์ม” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเกาะสัก อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง
- โครงการ “จัดทำลานเท เพื่อรับซื้อปาล์มน้ำมัน” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านก่อตง อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่
- โครงการ “ตลาดชุมชนบ้านนาปรัง” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านนาปรัง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
ทั้งหมดนี้เป็นการขยายผลโดยวิสาหกิจกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านดอนคา ไปยังกลุ่มชุมชน ผู้ประกอบการ – ธุรกิจต่างๆ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคน สังคม และก้าวไปสู่การจัดการด้านการเงินให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อการสร้างรายได้ และเศรษฐกิจของคนในชุมชน ตามแนวคิด รวมคน รวมทรัพย์ และสร้างมูลค่าเพิ่มของกลุ่มออมทรัพย์อีกด้วย
วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (เกษตรทิพย์)
ในปี 2560 มูลนิธิสัมมาชีพมอบรางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพประเภทการผลิตและแปรรูปแก่วิสากิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (เกษตรทิพย์) จ.ศรีสะเกษ มีนายบุญมี สุระโคตร เป็นประธาน วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ผลิตข้าวหอมมะลิครบวงจรขนาดใหญ่ โดยผลิตภัณฑ์เมล็ดข้าวอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์แปรูปจากข้าวที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ
ในปี 2560 มียอดขายสูงถึง 55 ล้านบาท และในปี 2561 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง มียอดขายสูงสุด 100 ล้านบาท จำหน่ายในประเทศ 30% เพื่อการส่งออก 70% โดยเฉพาะข้าวสารส่งออกได้ถึง 80%และจำหน่ายในประเทศ 20 % มีสินค้าข้าวอินทรีย์แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ข้าวสารและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว
ปัจจุบันสินค้าจำหน่ายทาง เว็บไซต์ ตลาดออนไลน์ และงานแสดงสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ “สินค้าแปรรูปจากข้าว”โดยเฉพาะน้ำมันรำข้าวเป็นสินค้าขายดี ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาด อีกทั้งยังมีสินค้าใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์สปา เป็นต้น
ในส่วน มูลนิธิสัมมาชีพ ได้ร่วมผลักดันขับเคลื่อนการขยายผลสร้างกลุ่มหรือเครือข่ายเกษตรอินทรีให้เข้าถึงตลาดกลางผลิตและผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์ โดยได้ประสานกับสภาการเกษตรแห่งชาติ จัดตั้งเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในจังหวัด พร้อมศึกษาความต้องการ การพัฒนาขององค์กรในเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จัดอบรมเสริมสร้างศักยภาพองค์กรในเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ และอีกหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ การบรรจุหีบห่ออย่างมีคุณภาพ จากการขยายผลก่อให้เกิดเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดศรีสะเกษมากกว่า 35 กลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะกลับสู่ชุมชนได้มีงานทำและสืบทอดอาชีพการทำนาของพ่อ แม่ เพื่อดำรงอาชีพเกษตรกรที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้