skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
สำรวจโควิดเดลตา เปิดประเทศระยะ 2 ท้องฟ้า 5 จังหวัดยังมืดสลัว

สำรวจโควิดเดลตา เปิดประเทศระยะ 2 ท้องฟ้า 5 จังหวัดยังมืดสลัว

สำรวจโควิดเดลตา

เปิดประเทศระยะ 2

ท้องฟ้า 5 จังหวัดยังมืดสลัว

หนทางเดียวที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประคับประคองความง่อนแง่นทางการเมืองให้อยู่ครบวาระ 4 ปี หรือถึงปี 2566 คือต้องเร่งรีบเปิดประเทศ เลิกเคอร์ฟิวคุมขังอยู่บ้าน ปลดปล่อยประชาชนจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  แล้วก้มหน้าแก้ปัญหาโควิดระบาดอย่างเอาการเอางาน จริงจัง และเปิดเผยซื่อตรงกับการปกปักรักษาชีวิตคนไทย มากกว่าโหมซื้อวัคซีนของกลุ่มธุรกิจใหญ่โต

กระนั้นก็ตาม การเปิดประเทศแม้เป้าหมายถูกวางให้เป็นภารกิจสำคัญ แต่การฉีดวัคซีนให้ครบโดสคนละ 2 เข็มเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 70%ของประชากรไทย หรือประมาณ 50 ล้านคนย่อมเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ทั้งในฐานะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้เป็นงานที่ต้องทำ ประกอบกับการมีจิตสำนึกบริหารประเทศด้วยการยึดกุมจิตวิญญาณคุ้มครองชีวิตมนุษย์ให้เท่าเทียมกัน

ดังนั้น การเปิดประเทศจึงสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนมีคุณภาพและมากประสิทธิภาพเพื่อป้องกันโควิดระบาดซ้ำเติมความรุนแรง สิ่งนี้จึงเป็นการฟื้นชีวิตปกติของประชาชนกลับคืนมา อีกทั้งยังบ่งชี้ถึงโอกาสเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล มีความชอบธรรมให้อยู่ต่อไปถึงวาระ 4 ปี ตามความต้องการได้

เสียงประโคมการฉีดวัคซีนเริ่มส่งสัญญาณถึงเดือนตุลาคมจะมีวัคซีนหลักเข้าไทยรวมยอด 24 ล้านโดส และในเดือนตุลาคมเช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่า ผู้ติดเชื้อโควิดจะค่อยๆลดลง เนื่องจากการฉีดวัคซีนจะมากขึ้น แล้วการฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง

 


นัยการฟื้นฟูประเทศ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจเปิดฉากมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 แล้ว ด้วยการนำร่องเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายได้ โดยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นโครงการต้นแบบนำร่อง แล้วขยายไปสู่การเที่ยวเกาะอื่นๆในทะเลภาคใต้

การเปิดเมืองภูเก็ตที่ประสานกับฉีดวัคซีนให้มากจนครอบคลุมประชากรของจังหวัดนั้น ในสายตาของรัฐบาลและหน่วยงานท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายเงินเป็นหมื่นล้านว่า โครงการประสบความสำเร็จ สอดคล้องกับทางด้านสาธารณสุขเชื่อมั่นจะคุมการระบาดที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับทางสังคม โดยเฉพาะชุมขนชาวเลกลับตื่นตระหนกเมื่อคนติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ถึงที่สุดการเปิดเมืองยังเดินหน้าไปท่ามกลางโควิดเดลตาระบาดรุนแรงทั่วประเทศ

ระยะเวลานำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะครบ 3 เดือนในสิ้นกันยายนนี้ แล้วเดือนตุลาคมจะเข้าสู่ระยะ 2 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า การเปิดเมืองอีก 5 จังหวัด คือ กทม. ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน), เพชรบุรี (ชะอำ), ชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ)  และเชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ที่มีกำหนดเริ่มใน 1 ตุลาคมนี้ ยกเว้น กทม.จะเริ่มช้าไปเปิด 1 พฤศจิกายน

จากนั้น ในระยะที่ 3 จะเริ่มขับเคลื่อนต่อไปในวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไปเที่ยวพื้นที่ 25 จังหวัดทั่วประเทศได้ ประกอบด้วยภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลำพูน สุโขทัย ภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี เลย (เชียงคาน) ภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง(เกาะเสม็ด) จันทบุรี ตราด (เกาะกูด เกาะช้าง) ภาคตะวันตก ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง ตรัง สตูล สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง และภาคกลาง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา

โดยแผนในระยะที่ 2 และ 3 นั้น นายพิพัฒน์ ย้ำว่า จะเสนอให้ ศบค.อนุมัติภายในเดือน ก.ย.นี้ และพร้อมกับเร่งกระจายวัคซีนลงไปยังพื้นที่ดังกล่าวให้ครบ 70% ก่อนถึงกำหนดการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เมื่อการเปิดประเทศสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนแล้ว ตามข้อมูลล่าสุดเมื่อ 11 กันยายนนี้ การฉีดวัคซีนในกลุ่มโครงการนำร่องระยะ 2 จำนวน 5 จังหวัดนั้น คงต้องสำรวจว่า มีจำนวนมากพอหรือเข้าเกณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 70% ลดการติดเชื้อให้น้อยลง กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ มองเห็น “ฟ้าเริ่มสว่างและประเทศจะกลับมาสวยงามอีกครั้ง” จริงหรือไม่

The Researcher Covid Tracker รวบรวมการฉีดวัคซีนจากรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ถึง 11 กันยายน 2564 โดยภาพรวมทั้งประเทศฉีดไปแล้วจำนวน 40,123,221 โดส/คน แบ่งเป็นเข็มแรก 27,151,006 คนคิดเป็น 41.0% เข็มสอง 12,240,630 คนคิดเป็น 18.5% เข็มสาม 731,585 คนคิดเป็น 1.1%

เมื่อแยกเป็นชนิดของวัคซีนแล้ว พบว่า แอสตร้าเซเนกาฉีดไปแล้ว 17,367,205 โดส (43.3%) ซิโนแวค 16,611,005 โดส (41.4%) ไฟเซอร์ 973,548 โดส (2.4%) ซิโนฟาร์ม 5,165,937 โดส(12.9%) และจอห์สันแอนด์จอห์นสัน 5,409 โดส (0.0%) ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยว่า ที่ผ่านมาไทยพึ่งพาวัคซีนแอสตร้าฯกับซิโนแวคเป็นวัคซีนหลัก ซึ่งเป็นคำอธิบายไปสู่การปรับวิธีการฉีดวัคซีนไขว้ระหว่าง ซิโนแวคกับแอสตร้าฯ ได้ชัดเจนขึ้นถึงการเร่งเวลาให้เร็วทันไปสู่การเปิดประเทศ
สำหรับการฉีดวัคซีนใน 5 จังหวัดนำร่องระยะที่ 2 เมื่อสำรวจข้อมูล พบว่า กทม.เข็มแรก 95.0% เข็มสอง 35.6% เชียงใหม่เข็มแรก 28.8% เข็มสอง 17.0% ประจวบคีรีขันธ์เข็มแรก 36.5% เข็มสอง 17.1% เพชรบุรี เข็มแรก 41.8% เข็มสอง 17.8% และชลบุรี เข็มแรก 52.9% เข็มสอง 21.6%

 

 

ถ้าต้องการให้ท้องฟ้าเหนือพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดนำร่องระยะ 2 สว่างไสวอีกครั้งตามความที่ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อมั่นแล้ว การฉีดวัคซีนเข็มสองจึงเป็นงานหนักอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลการฉีดเข็มสองผ่านมามีน้อยเกินกว่าจะเปิดประเทศได้ ซึ่งแทบไม่เชื่อว่า เหลือเวลาอีกเพียง 15 วันจะระดมฉีดให้ครอบคลุมถึงขั้น 70% ได้เลย

หันมาพิจารณาข้อมูลการติดเชื้อโควิดของ 5 จังหวัดเปิดประเทศนำร่องระยะสองแล้ว พบว่าในช่วงเวลา 14 วันหรือสองสัปดาห์ โดย กทม. ติดเชื้อถึง 51,381 คนคิดเป็นติดเชื้อ 667 คนจากจำนวนประชากรแสนคน, เชียงใหม่ ติดเชื้อ 425 คนคิดเป็น 24 คนจากประชากรแสนคน, ประจวบคีรีขันธ์ ติดเชื้อ 1,995 คนจากประชากรแสนคน, เพชรบุรี ติดเชื้อ 1,334 คนคิดเป็น 265 คนจากประชากรแสนคน และชลบุรีติดเชื้อ 12517 คน คิดเป็น 611 คนจากประชากรแสนคน

ส่วนการเสียชีวิตในรอบ 14 วันนั้น ยังมีอัตราที่สูงเช่นกัน โดย กทม.เสียชีวิต 891 คน เชียงใหม่ 9 คน เพชรบุรี 19 คน ประจวบคีรีขันธ์ 13 คน และชลบุรี 208 คน

ดังนั้น การเปิดประเทศระยะ 2 ใน 5 จังหวัดนำร่องนั้น ถ้ายังเดินหน้าต่อไป ย่อมสะท้อนว่า ไม่ได้อยู่ที่เป้าหมายต้องฉีดวัคซีนได้ครบ 70% แต่ส่อว่าอยู่ที่ปัจจัยการเมืองฉุดเสถียรภาพรัฐบาลและความเชื่อมั่นของรัฐบาลเริ่มตกต่ำ จึงต้องเสี่ยงให้เปิดประเทศโดยอาศัยแค่การฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ได้เฉียด 70% มาบังหน้าเท่านั้น สิ่งนี้บ่งบอกว่า การระบาดครั้งใหม่จะกลับมารุนแรงอีก ทั้งที่ ศบค.เตือนจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากถึงหลัก 3 หมื่นต่อวัน จึงบอกประชาชนอย่าประมาทต่อการป้องกันโควิด

อย่างไรก็ตาม ทั้งเป้าหมายการเปิดประเทศและข้อมูลการฉีดวัคซีนใน 5 จังหวัดระยะ 2 นั้น ล้วนสะท้อนถึงแนวทางรัฐบาลยังอยู่ในหนทางประมาทมากกว่าการเตือนประชาชน แล้วความประมาทเช่นนี้ ยากที่เดินหน้าไปต่อกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาสวยงามอีกครั้งอย่างแน่นอน


 

ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee</a

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

Back To Top