skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
เร่งท่องเที่ยว 10 จังหวัดนำร่อง ดึงรายได้ 1.5 ล้านล้านบาทคืน

เร่งท่องเที่ยว 10 จังหวัดนำร่อง ดึงรายได้ 1.5 ล้านล้านบาทคืน

เร่งท่องเที่ยว 10 จังหวัดนำร่อง

ดึงรายได้ 1.5 ล้านล้านบาทคืน

 

ศบค.เคาะแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยในปี 2564 จะมีการท่องเที่ยวนำร่องใน 10 จังหวัดก่อน โดยใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นโมเดลจัดการในชื่อ “Phuket Sandbox” ซึ่งจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 3 คือ ก.ค.-ก.ย. นี้ จากนั้นเมื่อผลเป็นที่น่าพอใจ คือ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น “ศูนย์” (0) รัฐบาลกำหนดขยายไปอีก 9 จังหวัดที่เหลือในไตรมาสที่ 4 คือ ต.ค.-ธ.ค.นี้

แผนการเปิดเมืองท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 นั้น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี, กระบี่, พังงา, ชลบุรี, เชียงใหม่, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และ กทม. ดังนั้น การเร่งให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น “ศูนย์” จึงเป็นภาระสำคัญกับการเปิดท่องเที่ยวนำร่องอีก 9 จังหวัดที่เหลือดังกล่าว

เมื่อพิจารณาสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทยถึง 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา (เผยแพร่เมื่อ 12 มิ.ย.) ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 5,667,058 โดส คิดเป็น 6.3% ของประชากร ยังห่างไกลกับเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้จะฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 70% หรือจำนวนประชากร 50 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งนับจากนี้เหลืออีกเพียง 202 วันเท่านั้น

แต่เข้าสู่สัปดาห์ที่สองของการฉีวัคซีนวาระแห่งชาติในวันที่ 14-20 มิ.ย.นี้ ชมรมแพทย์ชนบท ระบุว่าว่า จะเป็นสัปดาห์แห่งความโกลาหลในการแก้ปัญหาหน้างานเช่นเดิม เพราะวัคซีนแอสตร้าเซเนกา นัดส่งมอบ 1.5 ล้านโดสให้ไม่ทันตามสัญญา ส่วนวัคซีนซิโนแวคที่จะเข้ามาอีก 1 ล้านโดสนั้น ส่วนหนึ่งต้องกันไว้ฉีดเข็มสอง ดังนั้น ภาพรวมวัคซีนมีไม่พอความต้องการของประชาชน การเลื่อนนัดจะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในโรงพยาบาลระดับจังหวัดและอำเภอ

อาการขาดวัคซีนมาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จึงทำให้ช่วงไตรมาส 4 ใน ต.ค.-ธ.ค. ย่อมมีผลกระทบต่อการเปิดท่องเที่ยวนำร่อง 10 จังหวัด ความไม่มั่นใจและความหวาดหวั่นการเกิดการระบาดแพร่เชื้อระลอกใหม่ยังคงมีอยู่ ดังนั้น การท่องเที่ยวมีโอกาสซึมลึก หลับยาวกันต่อไปจึงมีอยู่สูงยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เกิดโควิด-19 ระบาดในไทยมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันนั้น ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีอยู่สูงอย่างยิ่ง เมื่อนำเปรียบเทียบกับปี 2562 ซึ่งยังไม่เกิดโควิด-19 ระบาด โดยข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยงและรายได้ของ 10 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยววูบหายไปอย่างน่าตกใจ ดังนี้

จังหวัดภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 นั้น เมื่อจัดแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยแล้ว ในปี 2563 ไปเที่ยวเพียง 1,892,436 คน ลดลงจากปี 2562 ที่มีถึง 3,977,545 คน หรือหายไปถึง 52% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยว 2,110,854 คน ลดลงจากปี 2562 ที่มีถึง 10,598,921 คน หรือลดลงมากถึง 80%

ส่วนในด้านรายได้รวมจากนักท่องเที่ยวนั้น ในปี 2563 มีจำนวน 108,464 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีจำนวน 442,891 ล้านบาท หรือลดลงถึง 75.51% โดยรายได้นี้แยกเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยในปี 2563 มีจำนวน 20,936 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 มีมากถึง 49,725 ล้านบาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่นั้นปี 2563 มีรายได้ 87,527 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีมากถึง 393,164 ล้านบาท หรือลดลงถึง 77.70% ข้อมูลเช่นนี้จึงสะท้อนว่า โควิด-19 ทำให้ภูเก็ตอยู่ในภาวะเงียบเหงาแทบสนิท

จังหวัดกระบี่ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยในปี 2563 มีนักท่องเที่ยวรวม 1,562,880 คน แต่ปี 2562 มีมากถึง 6,759,836 คน หรือลดลงถึง 76.88% โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุด คือ ในปี 2563 มีจำนวน 627,256 คน แต่ปี 2562 มี 4,312,606 คน ซึ่งลดลงถึง ลบ 85.46%

ในด้านรายได้นั้น ในปี 2563 จังหวัดกระบี่มีรายได้รวมทั้งหมดจากการท่องเที่ยว 29,032 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีมากถึง 112,056 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้จากการนักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายไปเป็นด้านหลัก คือ ในปี 2563 มี 15,424 ล้านบาท แต่ในปี 2562 มีมากถึง 73,674 ล้านบาท หรือลดลงถึง 79%

สุราษฎร์ธานี การท่องเที่ยวในปี 2563 มีรายได้รวม 24,243 ล้านบาท แต่ในปี 2562 มีมากถึง 94,287 ล้านบาท โดยรายได้ที่หายไปเกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ ในปี 2563 มี 16,792 ล้านบาท แต่ในปี 2562 มีมากถึง 77,246 ล้านบาท หรือลดลงถึง 78%

พังงา ในปี 2563 มีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด 11,729 ล้านบาท แค่ปี 2562 มีจำนวน 51,709 ล้านบาท หรือลดลงถึง 77% ทั้งนี้ปี 2563 มีรายได้จากนักท่องที่ยวต่างชาติ 8,827 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน 45,256 ล้านบาท หรือลดลง 80.5%

ชลบุรี ในปี 2563 มีรายได้รวมจากท่องเที่ยวทั้งหมด 62,499 ล้านบาท ปี 2562 มีจำนวน 276,328 ล้านบาท หรือลดลง 77% โดยในจำนวนนี้ เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 มีจำนวน 34,510 ล้านบาท ปี 2562 มีมากถึง 220,828 ล้านบาท ลดลงถึง 84%

เชียงใหม่ ในปี 2563 มีรายได้ท่องเที่ยวรวม 49,841 ล้านบาท แตปี 2562 มีจำนวน 110,670 ล้านบาท หรือลดลง 54.96%  โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 ถึง 7,366.71 ล้านบาท แต่ในปี 2562 มีมากถึง 43,438.84 ล้านบาท ลดลง 83.04%

ประจวบคีรีขันธ์ ในปี 2563 มีรายได้ 18,021 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีมากถึง  42,393 ล้านบาท หรือลดลง 57.49% โดยแยกเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 มี 1,885.60 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีมากถึง  13,790.80 ล้านลาท หรือลดลง 86.33%

เพชรบุรี ในปี 2563 มีรายได้ท่องเที่ยว  14,424 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน  31,034 ล้านบาท ลดลง 53.52% โดยแยกเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2563 มี 874.63 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน  4,658.91 ล้านบาท หรือลดลง 81.23%

บุรีรัมย์ ในปี 2563 มีรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด  1,828 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน  4,704 ล้านบาท ลดลง 61.13% แบ่งเป็นรายได้จากนักท่อง้ที่ยวต่างชาติ ในปี 2563 จำนวน 14.39 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน  298.06 ล้านบาท หรือลดลง 95.17%

ปิดท้ายที่ กรุงเทพฯ แหล่งท่องเที่ยวใหญ่ของไทยในนปี 2563 มีรายได้จำนวน 254,740 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีจำนวน 1,067,814 ล้านบาท ลดลง 76.14% แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2563 จำนวน 120,978.96 ล้านบาท ในปี 2562 มีมากถึง 683,209.26 ล้านบาท หรือลดลง 82.29%

หากพิจารณาในภาพรวมของการท่องเที่ยวใน 10 จังหวัดนำร่องแล้ว ในปี 2563 เปรียบเทียบปี 2562 แล้ว พบว่า ในปี 2563 มีรายได้รวม 565,821 ล้านบาท แต่ปี 2562 มีรายได้มากถึง 2,233,882 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบให้รายได้หดหายไปมากถึง  1,668,061 ล้านบาท หรือคิดเป็น  74.67% 

 

ส่วนรายงานของสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ระบุถึงจำนวนคนท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 คือ ม.ค.-มี.ค. ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 20,000 คน ลดลงจากปี 2562 ถึง 99.82% แต่ยังไม่สามารถระบุรายได้เป็นจำนวนเท่าใดในขณะนี้

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยประเมินว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในไตรมาส 1/2564 จะลดลงถึงระดับ 36 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด เนื่องจากเกิดการระบาดระลอกใหม่เป็นวงกว้างและรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหวังให้รัฐบาลระดมงบประมาณและบุคลกรเพื่อคุมจังหวัดท่องเที่ยวหลักให้มีผู้ติดเชื้อ “ศูนย์” (0) โดยจะเป็นจุดขายในการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวกลับมาดึงเม็ดเงินเข้าประเทศอีกครั้ง

ดังนั้น การเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จึงมีความจำเป้นและต้องเร่งรีบอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะปกป้อง รักษา คุ้มภัยชีวิตประชาชนจากโรคร้ายโควิด-19 แล้ว ยังมีผลทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยพลิกฟื้นกลับมาอย่างมีนัยยะสำคัญ และนั่นคือ วิถีชีวิตปกติจะย้อนกลับคืนมา

 

 


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

Back To Top