“วิเชฐ ตันติวานิช” …ไขปริศนา ทำไมต้องเรียนหลักสูตร LFC10
ในรุ่น 10 เรามีความตั้งใจที่จะเน้นไปที่ธุรกิจท่องเที่ยว เพราะตอนนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรเครื่องเดียวที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ
“วิเชฐ ตันติวานิช” ประธานคณะกรรมการสถาบันผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง มูลนิธิสัมมาชีพ เปิดโอกาสให้ “เว็บไซต์มูลนิธิสัมมาชีพ” สัมภาษณ์พิเศษ เกี่ยวกับ “หลักสูตร LFC10” ที่จะเปิดอบรมในวันที่ 14 กันยายนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร น่าสนใจอย่างยิ่ง
หลักสูตร LFC มีจุดเด่นอย่างไรทำไม ต้องมาเรียน
หลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง เป็นหลักสูตรเดียวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นหลักสูตรที่ตั้งใจให้เกิดขึ้น เพื่อการศึกษาร่วมกัน ของคนที่เป็นผู้นำ ทั้งในระดับชุมชน ระดับหมู่บ้าน ที่สำคัญคือระดับนักธุรกิจ
อย่าลืมว่าในลักษณะของการทำงานที่เราเรียกว่า สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ก็เป็นแนวคิดที่ได้ก่อตั้งกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว ต้องเรียนว่าเราใช้หลักนี้ในการที่จะออกแบบหลักสูตร
ดังนั้น คนที่มาเรียนก็จะเป็นตัวแทนของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรนี้ แค่ผู้บรรยายก็ไม่เหมือนใครแล้ว เรามีผู้บรรยายระดับรัฐมนตรีเป็นหลัก อย่างปีนี้หลักสูตรรุ่นที่ 10 ก็มีรัฐมนตรีปัจจุบันถึง 6 ท่าน เช่น อุตตม สาวนายน รมว.คลัง, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรี, สมชาย หาญหิรัญ อดีต รมช.อุตสาหกรรม
ทั้งหลายนี้คือสิ่งที่ภาครัฐจะนำเสนอผู้เข้าเรียนว่า นโยบายการขับเคลื่อนประเทศจะเป็นอย่างไร ตรงนี้เป็นจุดเด่นที่คิดว่าไม่น่าจะมีหลักสูตรไหนสามารถมีรัฐมนตรี 5-6 ท่าน มานำเสนอแนวทางการบริหารประเทศ ให้กับเอกชนและประชาสังคมได้ฟัง
แตกต่างจากหลักสูตรทั่วๆไปอย่างไร
เนื่องจากเป็นเรื่องการพัฒนาประเทศผ่านสังคมระดับล่าง ตั้งแต่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาคไปจนถึงประเทศ ตรงนี้คือข้อแตกต่างที่มีความชัดเจนมากๆ อย่างรุ่น 10 เราเน้นไปในเรื่องของปฏิบัติการฐานราก
เราตั้งแคมเปญของหลักสูตรนี้ว่า “ปฏิบัติการฐานราก” นั้นก็แปลว่าเรากำลังจะเริ่มสะสมกำลัง เพื่อนำมาใช้เป็นพลังของการขับเคลื่อนอย่างแท้จริงแล้ว นั่นก็แปลว่าเราจะเข้าสู่กระบวนการของการนำเอาความรู้ เครือข่าย และพละกำลังทั้งหลายที่เรามีอยู่ นำมาพัฒนาประเทศชาติในระดับฐานรากจริงๆ
ฉะนั้นจะมีกิจกรรม มีการดูงาน มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ในระดับที่ไปถึงทุกพื้นที่ของประเทศ นั่นก็คือการปฏิบัติในลักษณะของการพัฒนาสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ตามปณิธานของหลักสูตรนี้
รุ่น 10 ปรับปรุงให้มีเนื้อหาเข้มข้น สอดคล้องกับสถานการณ์โดยทั่วไปมากขึ้น
ในรุ่น 10 เรามีความตั้งใจที่จะเน้นไปที่ธุรกิจท่องเที่ยว เพราะตอนนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรเครื่องเดียวที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ดังนั้นหลักสูตรในรุ่นที่ 10 นี้ เราก็เน้นในเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะเป็นท่องเที่ยวขนาดใหญ่ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยงเชิงสันทนาการทั่วไป หรือการท่องเที่ยวแบบชุมชน ซึ่งก็เป็นการสัมผัสการท่องเที่ยวในทุกๆ รูปแบบที่เราจะนำเสนออยู่ในหลักสูตรของรุ่น 10 นี้ทั้งหมด
จุดขายอย่างอื่นที่น่าสนใจ
ในเรื่องของจุดขายที่ชัดเจนมากๆ ของหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง คือชื่อของหลักสูตร เพราะถ้าใครได้มาเรียนอยู่ตรงนี้แล้ว ก็ไม่ใช่แค่รับรู้ นโยบายของภาครัฐเท่านั้น แต่จะได้รับรู้การฝึกฝน หรือได้รับการแนะนำ ให้เราสามารถที่จะทำตัวให้เป็นผู้นำของสังคมของเราได้ไม่ว่าจะสังคมนั้นจะเป็นสังคมเล็กระดับใดก็ตาม หรือระดับประเทศ ไม่ใช่เป็นผู้นำอย่างเดียว แต่เราฝึกฝนและแนะนำผู้เรียน ให้เกิดเป็นคุณลักษณะของผู้นำ ซึ่งสามารถนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดในชุมชน หรือเกิดในองค์กรของผู้ที่มาศึกษาได้ ตรงนี้ถือเป็นจุดที่ไม่น่าจะมีหลักสูตรไหน สามารถนำเสนอได้ครบถ้วยในลักษณะนี้
ทราบว่าการคัดเลือกวิทยากรพิถีพิถันอย่างมาก
นอกจากวิทยากรระดับรัฐมนตรีที่เอ่ยข้างต้นแล้ว เรายังมีวิทยากรท่านอื่นๆ โดยเราเลือกผู้ที่มีประสบการณ์ที่สูงมาก เช่น คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องของพลังงานเป็นอย่างมาก คุณภราเดช พยัฆวิเชียร อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตรองผู้จัดการ ธกส. เป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ ในเรื่องการทำการเกษตร ซึ่งตอนนี้การเกษตรก็นำมาในเรื่องของการท่องเที่ยวได้แล้ว มีคุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ซึ่งทำงานกับคนระดับรากหญ้ามาแล้วทั่วประเทศ คุณสักกฉัฐ ศิวะบวร ที่ปรึกษาโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของการสร้างแนวคิดทางการตลาด
นอกจากนี้ยังมีคุณต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด จะเน้นในเรื่องของการทำวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคมนั่นเอง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ทำให้ใครก็ตามที่ทำหน้าที่เรื่องการท่องเที่ยว จะเกิดความคิดของความยั่งยืน ที่จะทำอย่างไรให้ไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้ตามกระแสอย่างเดียว ก็จะเกิดการกระจายรายได้ เมื่อชุมชนและชาวบ้าน มีอาชีพที่เกี่ยวพันกับการท่องเที่ยวแปลว่าเขาได้เข้ามาสู่เครื่องจักรเครื่องสำคัญ เรื่องการท่องเที่ยวของประเทศมีส่วนร่วมกันทั้งประเทศ ซึ่งสิ่งนี้ที่เราเรียกว่าสัมมาชีพเต็มพื้นที่
ผู้ที่เข้ามาอบรมหลักสูตรนี้จะได้ความรู้ที่หลากหลาย
เป็นเรื่องที่สรุปรวบยอดเลย เป็นเรื่องของการเข้ามา จะบอกว่าเป็นการชุมนุมกันก็ได้ มาชุมนุมกันในระดับรัฐบาลในระดับเอกชนที่ทำธุรกิจ และในระดับประชาสังคม ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป เมื่อมาชุมนุมกันแล้ว จะได้องค์ความรู้ก้อนใหม่ ซึ่งรุ่น 10 องค์ความรู้เราเน้นไปที่เรื่องการท่องเที่ยว ดังนั้น เมื่อมีการร่วมมือกันเข้าใจตรงกัน ทั้งแนวนโยบาย แนวปฏิบัติ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว การลงมือปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ก็จะมีประสิทธิภาพสูง
สรุปรวบยอดเลยว่า ผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง หลักสูตรรุ่นที่ 10 นี้ จะนำไปสู่เรื่องของการลงในระดับฐานราก ที่เรียกว่าปฏิบัติการฐานราก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์จริงๆ อันนี้จะเป็นตัวช่วยให้ประเทศของเราเดินต่อไปได้ และไม่ใช่เดินไปได้แบบลุ่มๆ ดอนๆ แต่จะเป็นการเดินต่อแบบมั่นคงยั่งยืน ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยให้ลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของฐานะ ในเรื่องของความเป็นอยู่ ในเรื่องของความสุขที่เราต้องกระจายให้เกิดเต็มพื้นที่จริงๆ
LFC ทั้ง 9 รุ่นที่ผ่านมา มีบทบาทต่อชุมชน สังคมอย่างไรบ้าง
เราไม่ได้ต้องการให้ไปทำโครงการใหญ่ หรืออภิมหาโครงการ แต่สิ่งที่เราต้องการคือแค่ระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เรามีความเชื่อมากๆ ในเรื่องของการเข้าไปเปลี่ยนแปลงหนึ่งจุดเล็กๆ แล้วสามารถทำให้จุดนั้นเติบโตเข้ามาเป็นจุดใหญ่เป็นตัวอย่าง แล้วก็จะเกิดหลายๆ จุดขึ้นเต็มพื้นที่ ศิษย์เก่าที่เราทำงานด้วย เราให้เขาส่งผลงานมา มีหลายชุมชนมีหลายคน มีทั้งเอกชนมีทั้งประชาสังคม ที่สามารถนำความคิดความรู้ที่ได้เรียน ไม่ว่ารุ่นใดรุ่นหนึ่งใน 9 รุ่น นำไปสู่เรื่องของการปฏิบัติอย่างแท้จริง
เรามาถึง 10 ปีแล้ว เรามีผลงานเยอะมาก ซึ่งเราจะไปนำแสดงให้กับประชาชนทั่วไปที่จะมาร่วมงาน บุคคลสัมมาชีพแห่งปีที่จะจัดขึ้นสิ้นปีนี้
หมายเหตุ :
สถานที่อบรม : โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค ถนนประดิษฐ์มนูธรรม
เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562
สนใจติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ คุณกรรณิการ์ รุ่งศิริมาศ และ คุณวิไลรัตน์ ชมทิศ
โทร 095-124 8689 และ 02 530 9204-5