skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชาวเล-คนชายขอบ ถูกเท”

“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชาวเล-คนชายขอบ ถูกเท”

“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชาวเล-คนชายขอบ ถูกเท”

 

 

ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) เปิดเมืองแล้วเมื่อ 1 ก.ค. 2564 มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีหลายคนและทีมหมอฝ่ายบัญชาการรับมือโควิดแพร่ระบาด ยืนปรบมือ พูดทักทายต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยสำเนียงอังกฤษปนกลิ่นไทยที่สนามบินภูเก็ต

ทั้งนี้เงื่อนไขนักท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต้องยื่นขอ COE (Certificate of Entry) หรือ ใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทยเช่นเดียวกับทุกคนที่เดินทางมาไทยในช่วงการระบาดของโควิด นอกจากนี้ ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง (Certificate of Vaccination) โดยวัคซีนจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของไทย หรือได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และต้องส่งหลักฐานการฉีดวัคซีนเมื่อลงทะเบียน COE

อีกทั้ง นักท่องเที่ยวต้องแสดงหนังสือยืนยันว่า ไม่มีเชื้อโรคโควิดโดยวิธี RT-PCR หรือ  COVID-19 free certificate ที่ออกให้ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงไทย และต้องอยู่ในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วันจึงจะออกไปเที่ยวจังหวัดอื่นได้ รวมทั้งยังต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิดในจำนวนไม่น้อยกว่า 100,000 USD ที่ครอบคลุมระยะเวลาทั้งหมดที่เข้ามาในไทย

 

นายกฯ ขอภูเก็ตเป็นปราสาท

วันแรกเปิดเมืองภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นำร่องฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ดูเหมือนเป็นอีกวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความสุข ใบหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี ได้เห็นเมฆขาวสวย น้ำทะเลใสคราม ได้พบผู้คนท้องถิ่นยิ้มรับด้วยความรัก และได้ทักทาย เล่าถึงการเยียวยาประชาชนที่ถูกปิดกิจการ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นว่า “คือความร่วมมือของทุกคนนะจ๊ะ”

วันทั้งวัน 1 ก.ค. นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูภูเก็ต และเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัด โดยเฉพาะความสะอาด ความเบ็ดเสร็จเรียบร้อยตลอดทาง ตั้งแต่ลงเครื่องบิน ขึ้นรถมา ดูเสาไฟฟ้า ต้นไม้ ป้ายโฆษณา ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

“ผมประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงเครื่องบินมา อยากให้ภูเก็ตเป็นปราสาท เพราะเราตั้งว่า Sandbox พูดง่ายๆ คือเราก่อร่างด้วยทราย ต้องเติมอิฐ หิน ปูน เข้าไปอีกเยอะ ให้เกิดความเข้มแข็ง ให้การท่องเที่ยวเรามีศักยภาพ เป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและปลอดภัย เพราะฉะนั้น การจัดงานวันนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนโครงการ Phuket Tourism Sandbox ที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งคนไทยและคนต่างชาติ และช่วยเหลือผู้ประกอบการ”

 

วันแรกน้อย..หวังจะทยอยมาเพิ่ม

แม้นักท่องเที่ยววันแรกเข้ามาไม่มากมีประมาณ 300 คนจาก 4 สายการบิน พร้อมทั้งมีอยู่ไม่น้อยที่ยกเลิกเดินทาง เนื่องจากติดขัดเงื่อนไขออกหนังสือเดินทางเข้าไทย หรือ COE แต่นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการประกาศราชกิจจานุเบกษาท่องเที่ยวภูเก็ตช้า จึงทำให้กระทบต่อกระทรวงต่างประเทศไทยออกใบรับรอง COE

นายภูมิกิตติ์ คาดว่าทั้งไตรมาส 3/2564 (ก.ค.-ก.ย.) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยใน ก.ค.ทั้งเดือนคงมีเข้ามาประมาณ 15,000 คนลดลงจากเดิมที่ประมาณการณ์ไว้ 30,000 คน และอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ตั้งไว้ 1 แสนคนตลอดไตรมาส 3/2564 โดยหวังสร้างรายได้ให้ภูเก็ต 8,900 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หวังว่า ในไตรมาส 4/2564 (ต.ค.-ธ.ค.) จะเป็นไตรมาสจริงในการท่องเที่ยว เนื่องจากชาวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตมากที่สุด โดยคาดการณ์ว่า ทั้งไตรมาส 4 จะมีต่างชาติเข้ามาจำนวน 280,000 คน หรือประมาณ 80,000-90,000 คนต่อเดือน และสร้างรายได้ 50,000 ล้านบาททั้งไตรมาส

 

 

ชุบชีวิต…ยิ้มทั้งน้ำตาได้ต่อลมหายใจ

เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามาเที่ยวภูเก็ต แม้มามากหรือน้อยก็ตาม แต่ได้ปลุกชีวิตกิจการร้านอาหาร ที่พัก ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย การขนส่งในเมืองให้มีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจากเจอโควิดระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอย่างหนักหนาสาหัส และบางรายถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย หนีหนี้นอกระบบ

จากคลิปของ บีบีซีไทย รายงานความเห็นของนางพิมลตา สุขแสน เจ้าของร้านอาหารหาดป่าตอง ผู้ประกอบการรายย่อย เธอเล่าพร้อมปาดน้ำตาอาบแก้มถึงชีวิตช่วง 2 ปีโควิดระบาดแต่ต้องก้มหน้าทำกิจการต่อ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐใดๆเลย

เธอบอกว่า กิจการของเธอเป็นหนี้นอกระบอบเกือบครึ่งล้าน โควิดระบาดมา 2 ปี เป็นช่วงชีวิตลำบากมากมีรายได้เพียงวันละประมาณ 300-500 บาท อยู่ไม่ได้จนบางครั้งคิดฆ่าตัวตาย แต่การเปิดประเทศครั้งนี้ได้ช่วยต่อลมหายใจให้กิจการเธอ หวังว่าจะทำรายได้ในยามปกติถึงวันละ 8,000 บาทกลับคืนมา  แม้เป็นความหวังเล็กๆ ก็ตาม

“ถ้าเขาไม่เริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ถ้าไม่กล้าจะเสี่ยงมันก็ไม่เกิดและไม่เห็นว่า จะเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะท้อไม่ได้”

นอกจากนี้ บีบีซีไทย รายงานว่า นางปิ่นพร ธีรารักข์ เจ้าของกิจการทัวร์ซันฟลาวเวอร์ ภูเก็ตทราเวล เมื่อนักท่องเที่ยวหาย ภูเก็ตถูกปิดเมือง เธอไปขายกล้วยทอดอยู่ได้ 5 เดือนแต่สู้ไม่ไหวเพราะคนขายมีมากกว่าคนซื้อ

เธอตัดสินใจกลับมาเปิดบูธขายทัวร์ที่หน้าหาดป่าตองอีกครั้งเมื่อ มี.ค. ที่ผ่านมา เพราะคิดว่าอย่างน้อยน่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยบ้าง เธอขายทัวร์ได้บ้างก็จริง แต่น้อยมาก จากที่มีรายได้หลักแสนต่อเดือน เหลือเพียงไม่ถึงหมื่น

พร้อมทั้ง ระบุว่า ตอนนี้บริษัทของเธอเป็นเจ้าเดียวที่เปิด หลายบริษัทยังไม่กล้ากลับมาเปิดใหม่เพราะตามข้อกำหนดของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวยังไปเที่ยวที่จังหวัดอื่นไม่ได้ในช่วง 14 วันแรก ดังนั้นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นกุญแจสำหรับการเปิดประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก เพราะเธอกังวลว่าจะติดเชื้อได้ แม้ฉีดวัคซีนแล้ว

 

ท่องเที่ยววัฒนธรรมไม่ได้อานิสงส์

อีกด้านหนึ่ง คนพื้นที่ภูเก็ตที่ประกอบอาชีพประมง หรือชาวเล กลับไม่ได้รับผลการเร่งเปิดเมืองฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว โดยเพจสำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า ชาวเลมีชีวิตย่ำแย่มาก ปลาที่หาได้ไม่มีที่ขาย ไม่มีคนซื้อ ขาดรายได้ จนต้องขอบริจาคอาหารมากิน

นายสนิท แซ่ชั่ว ชาวเลชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ตอนนี้ชาวบ้านพยายามทำโครงการข้าวแลกปลา โดยนำปลามาแปรรูป เช่น ตากแห้ง ทำปลาดองเค็ม แต่ยังขาดตลาดมาแลกเปลี่ยน ส่วนโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่รัฐบาลเพิ่งเปิดตัวไปนั้น ไม่ส่งผลดีกับชาวเล เพราะโครงการมุ่งไปยังธุรกิจใหญ่ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ในขณะที่ชุมชนชาวเลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนขนาดเล็ก

“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ควรกระจายนักท่องเที่ยวด้วย แม้ตอนนี้ภายในชุมชนราไวย์ส่วนใหญ่ชาวเลได้ฉีดวัคซีนคนละ 2 เข็มแล้วก็ตาม แต่ที่เรากลัวคือหากเกิดการระบาดระลอก 4 ซึ่งไม่รู้ว่าเชื้อโรคจะกลายพันธุ์ไปอย่างไรบ้าง หากมีชาวเลติดสักคนคงตายกันหมดเพราะพวกเราอยู่กันอย่างแออัด”

ส่วน ดร.นฤมล อรุโณทัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ชุมชนชาวเลแต่ละพื้นที่มีปัญหาไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง ชาวเกาะพีพี ไม่มีปัญหาเรื่องสัญชาติไทย แต่พื้นที่อาศัยของชาวเลกลับถูกบีบบังคับให้เล็กลงเรื่อยๆ รัฐควรใช้ช่วงวิกฤติโควิดกลับมาพัฒนาจัดการการท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นที่บันทึกประวัติศาสตร์ แต่การท่องเที่ยวเหล่านี้ก็ถูกกลืนหายไปเหมือนกับหลายพื้นที่ในอันดามัน

หากภาครัฐสามารถตั้งหลักและวางแผนการท่องเที่ยวให้ดี จะสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ เช่น ชุมชนชาวเลที่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เป็นชาวมอแกนที่ยังรักษาวิถีวัฒนธรรมของกลุ่มมอแกนได้ดีที่สุด ทั้งเรื่องภาษา พิธีกรรม การสร้างเรือกาบาง ทั้งยังมีการทำมาหากินแบบสมัยโบราณ และยังมีความพยายามในการถ่ายทอดวิถีชีวิตเหล่านี้ต่อโลกภายนอก

“ถ้านักท่องเที่ยวมีโปรแกรมการเที่ยวชุมชนชาวเล ก็ควรสร้างให้เป็นระบบพึ่งพาอาศัยกัน อย่าให้เหมือนสวนสัตว์มนุษย์ให้คนไปถ่ายภาพ การแก้ปัญหาระยะด่วนตอนนี้คือ กรมอุทยานฯ ต้องเข้าไปสนับสนุนชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านต้องการเอาปลามาแลกข้าวก็ควรอยู่กันแบบเอื้อเฟื้อ อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน”


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

Back To Top