skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
หย่อมแรงใจ LFC แบ่งปันสุข-ต้านโควิด

หย่อมแรงใจ LFC แบ่งปันสุข-ต้านโควิด

หย่อมแรงใจ LFC

แบ่งปันสุข-ต้านโควิด

แม้เป็นเพียงหย่อมน้ำใจเล็กๆ ของสมาชิก LFC โครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลงได้มอบอุปกรณ์การแพทย์ให้ 6 โรงพยาบาลจังหวัดมุกดาหาร ไว้ใช้สกัดการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่

แต่นั่นคือจุดเริ่มรวมพลังใจ “แบ่งปันสุข” ตามแนวทางมูลนิธิสัมมาชีพยึดมั่นมาตลอดช่วงทำงานต่อเนื่อง 12 ปี

พลังแรงใจ LFC ก่อรูปขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2563 ด้วยการเปิดรับสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ (จำเป็น) และในครั้งนั้นได้รับเงินบริจาคจำนวน 100,827 บาท แล้วไปจัดซื้อและจัดส่งอุปกรณ์การแพทย์สู่โรงพยาบาล 2 ครั้ง

 

ในครั้งแรกใช้เงินบริจาคไปจำนวน 66,667 บาท เพื่อจัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ประกอบด้วย ชุด PPE 174 ชุด / เจลแอลกอฮอลล์ จาก ปตท.ร่วมสนับสนุน จำนวน 550 ขวดหัวปั้ม และ คุณพรรณพร ชาญภิญโญ (LFC-10) ร่วมบริจาคหน้ากากใส (face shield) 100 ชิ้น ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดส่งไปที่ศูนย์ประสานอุปกรณ์สู้ภัยโควิดเครือข่ายโรงพยาบาลชุมชนมุกดาหาร เพื่อส่งต่อให้ 6 โรงพยาบาลอีกทอดหนึ่ง

ครั้งที่สองเมื่อ 19 พฤษภาคม 2564 มูลนิธิสัมมาชีพ โดย นพ.อนุวัตร แก้วเชียงหวาง LFC-3 เป็นผู้แทนมูลนิธิฯ ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ ประกอบด้วย ชุด PPE 80 ชุด เครื่องวัดอุณหภูมิ ALC Auto จำนวน 6 เครื่อง รวมมูลค่า 34,160 บาท เพื่อส่งต่อไปยัง 6 โรงพยาบาลในจังหวัดมุกดาหาร

ดังนั้น ยอดเงินบริจาคจำนวน 100,827 บาท  ทางมูลนิธิฯ ใช้ไปตามเจตนารมณ์ของการเปิดรับบริจาคจนครบถ้วน และเมื่อการระบาดของโควิดยังไม่แผ่วลง พลังน้ำใจชาว LFC อาจมีโอกาสส่งมอบหรือบริจาคให้กับโรงพยาบาลมุกดาหารหรือจังหวัดอื่นๆ ในคราวถัดไปเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย

ไม่เพียงเท่านั้น ในยามโควิดเริ่มระบาดรึนแรงขึ้นในระลอกสามตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 ถึงปัจจุบันนั้น ชาว LFC และมูลนิธิฯ นำโดยคุณผดุงศักดิ์ พื้นแสน รองผู้อำนวยการมูลนิธิฯ คุณพลอยริญญา ภัทรอิ่มอ้วน LFC 8 คุณวรรณี มหานีรานนท์ LFC 6 และ คุณสมชัย งามพิมล กรรมการจัดงานกอล์ฟมูลนิธิฯ ร่วมกับ คุณรมย์ลักษณ์ สุพฒนเมธีกุล สมาชิกผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 7 มอบเครื่องพ่นหมอกควันเลเซอร์ พร้อมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคจำนวน 6 ชุด ให้กับสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนครแสงเพชร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สาธารณะ ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชิ้อไวรัสโควิด-19 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เมื่อ 6 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

 

   

ในยามนี้การระบาดโควิดระลอกสามได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ คงกล่าวได้ว่า แทบไม่มีจังหวัดใดปลอดเชื้อไปได้เลย การรายงานข้อมูลของ ศบค. พบว่าแต่ละจังหวัดติดเชื้อใหม่ระดับหลักร้อยรายขึ้นทั้งนั้น สำหรับจังหวัดมุกดาหารถึงอยู่ห่างไกลถึงริมแม่น้ำโขงแล้ว ข้อมูลเมื่อ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมายังติดเชื้อเพิ่มอีก 46 ราย มากกว่าวันที่ 26 กรกฎาคม ที่มี 21 ราย ถึงกว่าเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญนั้นคงเกิดจากนโยบาย “ส่งออกเชื้อคนป่วยโควิดใน กทม.กลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด” ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 20 กรกฎาคม 2564 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งบัญชาการให้เกิดการระบาดเชื้อโควิดออกจาก กกท. เพราะไม่มีเตียงรักษาผู้ป่วย

ตามข้อมูลของ ศบค.เมื่อ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อทั้งประเทศจำนวน 14,150 ราย เสียชีวิต 118 ราย ซึ่งเป็นจำนวนหลักหมื่นติดต่อกันมาหลายวัน หากกล่าวเฉพาะจังหวัดมุกดาหาร แค่หนึ่งสัปดาห์นับแต่ 20-27 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเริ่มส่งออกเชื้อ กทม.ไปต่างจังหวัด ทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 242 ราย โดยเกือบครึ่งของยอดติดเชื้อสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน-27 กรกฎาคม 2564 หรือเกือบ 4 เดือนรวม 576 ราย

ดังนั้น ประเมินได้ว่า การส่งออกเชื้อโควิดมีส่วนสำคัญให้เกิดการระบาดขยายออกเป็นวงกว้างขึ้น อีกทั้งยังกระทบกับโรงพยาบาลสนาม ระบบการกักตัวรักษา อุปกรณ์แพทย์ และแพทย์ของโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ การบริจาคสมทบทุนเพื่อจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ไปช่วยเหลือโรงพยาบาลต่างจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดมุกดาหาร พื้นที่ริมแม่น้ำโขง รอยเขตติดต่อประเทศลาวจึงย่อมมีความจำเป็นกับการรวมพลังใจกัน โดยหวังว่า ชาว LFC ทุกรุ่นคงพร้อมเดินไปสู่แนวทางแบ่งปันสุขตามหลักยึดเหนียวของมูลนิธิสัมมาชีพ หากโอกาสได้รวมพลังสมทบทุนในครั้งใหม่จะมีมาถึงอีก

 

 

 


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee</a

 

Back To Top