skip to Main Content
02-530-9204 sammachiv.pr@gmail.com
สำรวจเชื้อโควิดติดคุก ยิ่งตรวจยิ่งเจอระบาด

สำรวจเชื้อโควิดติดคุก ยิ่งตรวจยิ่งเจอระบาด

สำรวจเชื้อโควิดติดคุก

ยิ่งตรวจยิ่งเจอระบาด

ไม่ปกติแล้ว แค่สัปดาห์เดียว เรือนจำกลายเป็นแหล่งระบาดเชื้อโควิด-19 ที่เรียกว่า “คลัสเตอร์” ได้อย่างน่าตกใจ ถ้านับแต่ 12 พ.ค.-18 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 13,000 คน และนับวัน ยิ่งตรวจเชิงรุก ย่อมพบผู้ติดเชื้อแต่ละวันเพิ่มขึ้นอีกเฉียดพันคน

เรือนจำ หรือ คุก เป็นพื้นที่ปิด มีการคุ้มเข้มแต่เชื้อโควิดภายนอกยังเล็ดลอดเข้าไปแพร่เชื้อได้ โดยเบื้องต้นมีข้อสังเกตว่า มาจากญาติเข้าเยี่ยมนักโทษ ผ่านนักโทษออกไปศาลไต่สวน และที่สำคัญคือ เจ้าหน้าที่เข้าออกเรือนจำได้ง่ายดายอาจรับเชื้อโรคติดตัวมาแพร่ขยาย

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ทั่วประเทศมีเรือนจำ 143 คน มีผู้ต้องโทษคุมขังถึง 3 แสนคนและมีเจ้าหน้าที่กว่า 13,000 คนปฏิบัติงาน ซึ่งขณะนี้มีเรือนจำ 15 แห่งติดเชื้อโควิดแล้ว

 

ยิ่งตรวจยิ่งเจอโควิดบุกคุก

พลิกไทม์ไลน์การติดเชื้อโควิดในเรือนจำ เริ่มปรากฎขึ้นเมื่อต้นเมษายน ที่เรือนจำนราธิวาสมีผู้ติดเชื้อ 263 ราย เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการ “ซีลเรือนจำ” เร่งตรวจเชิงรุก แล้วมาตรการซีลอันเข้มข้นกลายเป็นโมเดลสกัดโควิดไปทุกพื้นที่ จนสถานการณ์คุกติดเชื้อโควิดเงียบหายไป

ในอีก 20 วันถัดมา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. สถานการณ์โควิดระบาดเรือนจำเริ่มถูกจับตามมอง เมื่อนายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน ผู้ต้องหาจากคดี ม.112 ถูกตรวจพบว่าติดโควิดขณะกักตัว 14 วัน หลังกลับมาจากศาล จากนั้นเรือนจำกรุงเทพฯ รายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้ติดเชื้ออีกไม่น้อยกว่า 10 ราย

อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยผู้ต้องขังสัมผัสใกล้ชิดนายจัสติน ตรวจไม่พบเชื้อโควิด พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่า กรมราชทัณฑ์มีมาตรการป้องกันอย่างดี แต่เมื่อ 26 เม.ย.ในเรือนจำเชียงใหม่ ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อถึง 146 คน และตรวจพบเพิ่มอีก 189 คนในวันที่ 29 เม.ย. ดังนั้น สถานการณ์โควิดระบาดในเรือนจำจึงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง และถูกจับตามองยิ่งขึ้นเมื่อมีรายงานในวันที่ 5 พ.ค.ว่า นายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ติดเชื้อโควิด

 

ติดเชื้อกว่าหมื่นรายในสัปดาห์เดียว

วันที่ 11 พ.ค.มีรายงานว่า 4 ใน 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองในเรือนจำกรุงเทพติดเชื้อโควิด ขณะเดียวกัน สถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำ เริ่มขยายตัวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่ง 12 พ.ค.มีการระบุว่า น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง และ นายปริญญา ชีวินปฐมกุล หรือพอร์ท ไฟเย็น ติดเชื้อโควิด ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ กรมราชทัณฑ์แถลงว่า พบผู้ต้องขังติดเชื้อ จากทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 ราย และ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 ราย รวมเป็น 2,835 ราย

กรมราชทัณฑ์ระบุต้นเหตุว่า การติดเชื้อในเรือนจำ อาจเกิดขึ้นจากการรับตัวผู้ต้องขังใหม่เข้ามา แล้วย้ำว่า กรมราชทัณฑ์มีมาตรการกักตัวผู้ต้องขังอย่างน้อย 21 วัน และมีการตรวจหาเชื้อ 2 รอบอยู่แล้ว

ถัดมาในวันที่ 14-16 พ.ค. กรมราชทัณฑ์แถลงพบผู้ต้องขังติดเชื้อ โดยมีมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม 1,016 ราย เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 88 ราย และเรือนจำพิเศษธนบุรี 1,725 ราย รวมเป็น 2,829 ราย สถานการณ์ติดเชื้อในเรือนจำยิ่งตรวจยิ่งเจอโควิดมากขึ้น

นายอายุตม์ มีท่าทีเปลี่ยนไปจากการเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันอย่างดี กลับเป็นยอมรับสถานการณ์ที่เป้นจริงขึ้น โดยระบุว่า กรมราชทัณฑ์ไม่มีการปิดบังตัวเลข และสภาพแวดล้อมในเรือนจำทำให้ควบคุมโรคได้ยาก ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ต้องพาตัวนักโทษไปขึ้นศาล ทำให้มีการเข้าออกมาตลอดเวลา ขณะที่นักโทษเองก็ต้องทำกิจวัตรประจำวันร่วมกัน ห้องคุมมีความคับแคบ และทรุดโทรม จึงทำให้การติดเชื้อกระจายอย่างรวดเร็ว

แล้วภาวะระบาดอย่างพีคสุดเกิดขึ้นเมื่อ 17 พ.ค. มีรายงานว่า ในเรือนจำติดเชื้อโควิดรวมสูงถึง 6,853 ราย จาก 8 เรือนจำ ใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมีจำนวน 6,749 ราย นนทบุรี 48 ราย ฉะเชิงเทรา 22 ราย และเชียงใหม่ 3,929 ราย

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้แถลงเป็นครั้งแรกว่า ขณะนี้เรือนจำทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด มีผู้ต้องขังติดเชื้อแล้วทั้งสิ้น 10,384 ราย นอกจากนี้ในวันที่ 18 พ.ค. มีรายงานติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 680 ราย

 

มาตรการคุมได้ให้งบแค่ 7.5 แสนสู้โควิด

แม้เรือนจำเกิดระบาดเชื้อโควิดทวีมากขึ้น แต่ในปี 2564 เรือนจำมีงบประมาณในการควบคุมโควิดเพียง 750,000 บาท ซึ่งแบ่งเฉลี่ยไปเรือนจำทั่วประเทศได้เรือนจำละ 5,200 บาท หรือตกคนละ 2.41 บาท

 

นายอายุตม์ ได้ให้ความมั่นใจการรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อว่า จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องยารักษามีข้อจำกัดจำนวนมาก แต่ได้รับการสนับสนุนในการจัดซื้อยาเพื่อให้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเรือนจำทุกแห่งที่มีผู้ติดเชื้อ

นอกจากนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์ที่เป็นส่วนกลางขึ้นมาในการติดตามตัวเลขผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และรักษาหายแล้ว พร้อมสั่งให้เรือนจำทั่วประเทศ มีการจัดเจลแอลกอฮอล์ สบู่ฆ่าเชื้อโรค ไว้ให้ผู้ต้องขัง อีกทั้งมีมาตรการคัดกรอง เอกซเรย์ปอดทุกคน และถ้าหากเจอเชื้อจะได้ให้ยาทุกคน และเฝ้าระวังเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ส่วนผู้ที่แข็งแรง แนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำ
รวมทั้ง ในส่วนของเจ้าหน้าที่มีการสั่งให้ Swab ตรวจหาเชื้อ 100% ทุก 7 วัน ขณะที่ในเรือนจำที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อนั้น ให้ประสานสาธารณสุขจังหวัด ในการเข้าตรวจหาเชื้อทั้งหมด


ถึงที่สุดแล้ว จะด้วยงบประมาณอันน้อยนิดที่เรือนจำต้องสู้กับโควิดระบาด อีกทั้งจำนวนนักโทษติดเชื้อโควิดทวีมากขึ้นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อมั่นในอำนาจที่รวบไว้ในตัวคนเดียวว่า จะควบคุมสถานการณ์ได้ โดยสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างทรงตัว ด้วยการมาตรการ Bubble and Seal ปิดกั้นการเดินทางเข้าออกในสถานที่เหล่านั้น เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ออกมาภายนอกคุก

ส่วนการฉีดวัคซีนให้นักโทษยังไม่มีการพูดถึง จึงยากต่อการคาดถึงหลักประกันตามสิทธิของนักโทษ กระทั่งล่าสุด ศบค. รายงานการติดเชื้อโควิดเมื่อ 19 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 3,394 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อจากเรือนจำ 1,498 ราย

 

สิ่งนี้จึงย้อนแย้งกับสถานการณ์ทรงตัว แต่มีระดับการติดเชื้อเพิ่มขึ้นและลดลงเป็นวันๆ ไป กระทั่งเมื่อ 20 พ.ค. รายงานของ ศบค.พบติดเชื้อใหม่อีก 2,636 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ 671 ราย นั่นสะท้อนถึงมาตรการ “ตรวจเชิงรุก-ควบคุมแพร่เชื้อ และกักตัวดูอาการกลุ่มเสี่ยง” ซึ่งอธิบายให้สวยหรูแบบอวดภูมิว่า “Bubble and Seal” ก็ตาม แต่เป็นมาตรการที่รัฐบาลย่อมมั่นใจสามารถควบคุมการระบาดแพร่เชื้อโควิดได้ในสภาพปัจจุบัน…เพียงถูกตำหนิทำช้า หรือไม่เตรียมการรับสถานการณ์แพร่ระบาดเท่านั้น ซึ่งรัฐราชการมักเป็นเช่นนี้

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น แสดงถึงสถานการณ์ระบาดโควิดในเรือนจำ การปะติดปะต่อข้อมูลคนติดเชื้อสะท้อนถึงการไล่ล่าเพื่อป้องกันของรัฐราชการแบบไม่พร้อมรับมือ พร้อมๆกับผุดมาตรการเดิมๆ ซ้ำๆ ในการควบคุมโควิดให้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังได้

โดยมาตรการเหล่านั้น ล้วนย้ำเดินบนแนวทางสรุปได้ปักธงไว้ก่อนหน้า คือ ติดเชื้อต้องแยกตัวไปรักษา ไม่ป่วยก็เชิญชวนฉีดวัคซีนซิโนแวค หรือ แอสตร้าเซเนกา และวัคซีนมีปริมาณน้อย ไม่พอความต้องการ จึงใช้แอป “หมอพร้อม” ให้จองคิวเยื้อไว้ ลงท้ายเถึยงกันจนลุกลามขาดความเชื้อมั่น และไปจบที่เชื้อโควิดระบาดต่อประชาชน…มันวนอยู่แค่นี้ ในบ้านเมืองที่มีทหารกับหมอนำทาง


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

Back To Top