รัฐส่อเกียร์ว่าง โควิดจ่อระบาดขาขึ้น
รัฐส่อเกียร์ว่าง โควิดจ่อระบาดขาขึ้น
บรรดาพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน อีกทั้งพรรคตั้งใหม่ ทยอยลงพื้นที่กันคึกคักเปรียบเสมือนฤดูหาเสียงรอบใหม่ใกล้มาถึง โดยเฉพาะผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองรหัสพี่-น้อง“บูรพาพยัคฆ์” 3 ป. คือ “ประวิตร-อนุพงษ์-ประยุทธ์” ล้วนสนุกสนานกับการตรวจพื้นที่น้ำท่วมถี่ยิบ พร้อมๆพูดจาหาคะแนน ส่งสัญญาญบอกรักประชาชน“จังหู้”ราวกับหวังกาบัตรพรรคพลังประชารัฐงวดหน้าถ้ามีเลือกตั้งใหม่ในเร็ววัน
เมื่อสถานการณ์การเมืองวูบวาบส่ออาการ“ยุบสภา”เช่นนี้ ปัญหาน้ำท่วมดูเหมือนรัฐบาลให้ความใส่ใจครึ่งๆกลางๆ แบบทำเป็นเฉยต่อเสียงชาวบ้านถูกน้ำท่วมร้องระงมรอความช่วยเหลือ ขอให้รัฐบาลดูแลส่งอาหารการกินมายังชีพ
ขณะที่ อีกด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นึกคันปากแนะประชาชนฟัง-ร้อง “เพลงชาติกับสามัคคีชุมนุม”ทุกเช้า เพื่อเกิดอารมณ์ปลุกใจ ซึ่งไม่แตกต่างกับการย้อนบรรยากาศช่วงหลัง 14 ตุลา แล้ววนรอบมาเกิด 6 ตุลาอำมหิต ด้วยภาวะมะรุมมะตุ้มนี้ทิศทางประเทศจึงไร้เป้าหมาย ไม่อาจจับต้นชนปลายในการแก้ปัญหาอะไรก่อนและหลังกันดี
เอาเป็นว่า ทุกปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไขแทบถูกละเลย เมื่อรัฐปล่อยเกียร์ว่างโดยเฉพาะการระวังภัยโควิดระบาด ผสมกับขาดความเข้มงวดจนเกิดการมั่วสุ่มจัดปาร์ตี้ที่จะเป็นแหล่งแพร่เชื้อใหม่ได้อีกครั้ง ประกอบกับเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จังหวัดนำร่องเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนพฤศจิกายนนี้ พบคลัสเตอร์ตลาดสดแพร่เชื้อโควิดรอบใหม่เพิ่มอีก 225 คน พร้อมต้องเฝ้าระวังการระบาดแพร่ขยายในวงกว้างกันอีกอย่างหวั่นระทึก
อีกทั้งการกระจายเชื้อโควิดเกือบลามทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ เพราะตรวจพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันระดับกว่า 100 คนทุกวัน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ ณ วันที่ 10 ตุลาคมนี้ ระบุผู้ติดเชื้อเพิ่มใน 10 อันดับของประเทศ มีจังหวัดทางภาคใต้ติดกลุ่มถึง 5 จังหวัด คือ ยะลาติดโควิดเพิ่ม 776 คน สงขลาเพิ่ม 563 คน ปัตตานีเพิ่มอีก 514 คน นราธิวาสเพิ่ม 417 คน และนครศรีธรรมราชมีเพิ่ม 345 คน ด้วยเหตุนี้การระมัดระวังจึงจำต้องตื่นตัว รัฐจะทำเป็นเพิกเฉย เสมือนแอบเกาะขอนไม้ลอยไปกับสถานการณ์น้ำท่วมไม่ได้
สิ่งสำคัญในช่วง 1-30 พฤศจิกายนนี้ เทศกาลเปิดเมืองท่องเที่ยวใน 10 จังหวัดจะเริ่มขึ้น หลังจากชะลอมาจาก 1 ตุลาคมที่ผ่านมา หากพิจารณาในรอบ 14 วันตั้งแต่ 27 กันยายนถึง 8 ตุลาคมแล้ว ข้อมูลใน 10 จังหวัดเปิดเมืองย่อมสะท้อนถึงสถานการณ์โควิดระบาดและการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและป้องกันเชื้อได้ชัดเจน ดังนี้
สถานการณ์โควิดใน 10 จ.เปิดเมืองท่องเที่ยว | ||||
จังหวัด | ติดเชื้อโควิด
(ในรอบ 14 วัน) |
% เปลี่ยนแปลง | เสียชีวิต
(ในรอบ 14 วัน) |
ฉีดวัคซีน
(ครบโดส 2 เข็ม) |
กรุงเทพ | 18,369 | -50% | 336 | 60.8% |
ภูเก็ต | 2,691 | -24% | 15 | 75.7% |
กระบี่ | 1,796 | -5% | 11 | 30.8% |
พังงา | 896 | +33% | 4 | 48.0% |
ประจวบคีรีขันธ์ | 1,374 | +70% | 4 | 37.5% |
เพชรบุรี | 1,642 | -21% | 16 | 39.5% |
ชลบุรี | 8,980 | -12% | 59 | 49.5% |
ระนอง | 562 | -55% | 6 | 46.6% |
เชียงใหม่ | 1,138 | +34% | 0 | 30.7% |
เลย | 246 | -19% | 4 | 22.5% |
จากข้อมูลในรอบ 14 วันข้างต้น บอกให้รู้ว่า มี 7 จังหวัดที่เปอร์เซ็นต์เปลี่ยนแปลงเชื้อโควิดลดลง (% เป็น ลบ) คือ กรุงเทพ ภูเก็ต กระบี่ เพชรบุรี ชลบุรี ระนอง และเลย ส่วนอีก 3 จังหวัดการติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้น (% เป็นบวก) พังงา ประจวบคีรีขันธ์ และ เชียงใหม่ ส่วนการฉีดวัคซีนครบโดสในจำนวน 70 % เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการแพร่เชื้อเบื้องต้นนั้น มีแค่ ภูเก็ต เท่านั้น
สำหรับกรุงเทพแล้ว แม้การฉีดวัคซีนยังไม่ครบโดสก็ตาม แต่ยังมีตัวเลขค่อนข้างสูงถึง 60% จึงเชื่อว่า น่าจะดันขยับให้ฉีดถึง 70% ได้ไม่ยากนัก กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มั่นใจในการคุ้มโควิดอยู่ จึงประกาศนำร่องจัดกิจกรรมถนนคนเดิน-พายเรือคายัคคลองโอ่งอ่างวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยเปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ระหว่างเวลา 15.00-20.00 น. ทั้งนี้หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองกรุง ดังนั้น การเปิดเมืองจึงอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงกับการให้เชื้อโควิดกระจายตัวอีก เพราะตัวเลขการตรวจแบบ ATK ยังซึมลึก ซ่อนอาการติดเชื้อโควิดไว้อย่างขาดการใส่ใจของรัฐ
ชมรมแพทย์ชนบท สะท้อนข้อมูลการติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมนี้ มาย้ำเตือน โดยให้สังเกตุว่า การตรวจหาเชื้อมี 2 วิธี แบบมาตรฐาน RT-PCR พบผู้ติดเชื้อ 10,817 ราย แต่มีตัวเลขตรวจด้วย ATK พบเชื้ออีก 10,055 ราย เมื่อรวมแล้วมีผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 2 หมื่นราย ถ้าเน้นจำนวนผลตรวจ ATK เป็น “บวก” แต่ไม่ได้ตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ทุกราย ดังนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อกำลังขยับเป็นขาขึ้นอีกครั้งตามกราฟิก (ข้างล่าง) ยืนยันอย่างชัดเจน
อีกอย่าง ชมรมแพทย์ชนบทยังให้พิจารณาจำนวนผู้ป่วยหนักมีร่วม 3 พันราย ถือว่ายังไม่ลด ซึ่งสอดคล้องจำนวนผู้ติดเชื้อปกติป่วยสีแดงราว 10% หากคำนวณ 3,000 รายนี้กลับไป น่าจะมีผู้ติดเชื้อราวไม่ต่ำกว่าวันละ 30,000 คน ในขณะที่ยอดการตรวจเชิงรุกลดลง หากตรวจมากขึ้นในหลายพื้นที่อัตราการติดเชื้อในชุมชนสูงมากกว่าร้อยละ 20 ดังนั้น โควิดกำลังขาขึ้น พื้นที่สีแดงกำลังขยาย ภาระการควบคุมโรคได้กลายเป็นของวิชาชีพสุขภาพในกระทรวงสาธารณสุขโดยสมบูรณ์แล้วอีกครั้ง
“ตอนนี้สิ่งที่เริ่มชัดเจนคือ หลายฝ่ายเริ่มเข้าเกียร์ว่าง มหาดไทย ปกครองท้องถิ่นเริ่มถอยและเหนื่อยล้า ฝ่ายการเมืองก็เลิกให้ความสำคัญมาเข้าสู่โหมดเตรียมการเลือกตั้ง สาธารณสุขก็ล้าแต่ถอยไม่ได้ หยุดไม่ได้ ประชาชนก็ผ่อนคลายจนเกิดคลัสเตอร์ใหม่ใหญ่ เล็ก เป็นดอกเห็ด”
สถานการณ์แบบนี้ย่อมเตือนให้รัฐควรตื่นตัว เพิ่มความระวังว่า โควิดส่อมาอยู่ในช่วงขาขึ้นรอบใหม่ การระบาดกำลังจะลามขยายตัว สิ่งสำคัญอย่าลาก เร่งสถานการณืเลือกตั้งครั้งใหม่มากลบโควิดระบาดและประชาชนทนทุกข์น้ำท่วม ขาดแคลนอาหารการกินในขณะนี้
ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.facebook.com/sammachiv