สัมมาชีพลงพื้นที่ชัยภูมิ ขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชน ตั้งเครือข่ายพืชสมุนไพร
สัมมาชีพลงพื้นที่ชัยภูมิ
ขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชน
ตั้งเครือข่ายพืชสมุนไพร
เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. 2565 มูลนิธิสัมมาชีพ โดยนายผดุงศักดิ์ พื้นแสน ที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ คุณเกียววะลี มีสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายขับเคลื่อนโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (LFC) คุณณัฐณิชา เสมือนโพธิ์ เจ้าหน้าที่ LFC และนายพงศธร กลางแท่น เจ้าหน้าที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ร่วมถอดบทเรียนกลุ่มเครือข่าย ตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และวางแนวทางขับเคลื่อนกลุ่มเครือข่ายพืชสมุนไพร จังหวัดชัยภูมิ
ถอดบทเรียนกลุ่มเครือข่าย ตำบลโพนทอง
การถอดบทเรียนกลุ่มเครือข่าย ตำบลโพนทอง เมื่อ 25 ก.ค. 2565 มีนายศานิต กล้าแท้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง ปลัด อบต. กำนันตำบลโพนทอง และกรรมการบริษัทประชารัฐ ชัยภูมิ เข้าร่วมประชุม โดยมีกลุ่มแปรรูปข้าวฮางงอก กลุ่มน้ำดื่มสตรีโพนทอง กลุ่มผักปลอดสาร สรุปการดำเนินงาน
กลุ่มแปรรูปข้าวฮางงอก รายงานว่า ด้านการตลาดของกลุ่มมีช่องทางค่อนข้างดี มีผู้สนใจมารับซื้อผลิตภัณฑ์ถึงที่ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ มารับข้าวฮางจากกลุ่มสัปดาห์ละ 70-80 กิโลกรัม กลุ่มคนรักสุขภาพในจังหวัดมาซื้อผงจมูกข้าว ซึ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของกลุ่ม อีกทั้งร้านของชำในพื้นที่และในตัวเมืองมารับซื้อข้าวขาวและข้าวฮางไปขาย นอกจากนี้กลุ่มยังส่งข้าวขาวให้โรงพยาบาลชัยภูมิ เดือนละประมาณ 1,000 กิโลกรัม รวมส่งแล้ว 4,000 กิโลกรัม
มามีปัญหาเรื่องเงินจากการส่งข้าวให้โรงพยาบาล แต่นายศานิต เข้าหารือกับ ผอ.รพ จึงสามารถจ่ายให้เกษตรกรได้เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับการดำเนินงานขั้นตอนต่อไป (Next step) กลุ่มมีการนัดประชุมประจำเดือนให้ต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญคือ กลุ่มได้ส่งโครงการขอรับสนับสนุนงบประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อยกระดับกลุ่มเป็น “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” (หจก.) พร้อมมีแผนปรับปรุงโรงสี ซื้อเครื่องดีดข้าว เป็นต้น
กลุ่มน้ำดื่มสตรีโพนทอง รายงานว่า มีการทบทวนเป้าหมายกลุ่ม คือ ให้คนในชุมชนเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด ราคาประหยัด กลุ่มมีสมาชิกเป็นกลุ่มสตรี 12 หมู่บ้านมีผู้ผลิตทั้งหมด 5 คน เฉลี่ยผลิตน้ำดื่มขนาด 600 มิลลิลิตร ได้วันละ 200 แพ็ค ขายราคา 35 บาทต่อแพ็ค จำหน่ายในตลาดหลัก ได้แก่ อบต.โพนทอง, รพ.สต, ร้านค้าในชุมชน เป็นต้น ส่วนปัญหาอุปสรรคมาจากแรงงานทั้งหมดเป็นผู้หญิง จึงเป็นข้อจำกัดในการขนส่งระยะไกล ดังนั้น การดำเนินงานต่อไปกลุ่มจะหาแรงงานด้านการขนส่ง และขยายช่องทางการตลาดเพิ่ม
ส่วนกลุ่มผักปลอดสาร รายงานว่า กลุ่มมีสมาชิกทั้งหมด 22 ราย ปลูกผักในแปลงรวมจำนวน 5 ไร่ พืชที่ปลูก คะน้ำ กะหล่ำ ผักบุ้ง เป็นต้น สมาชิกมีรายได้เฉลี่ย 200-300 บาทต่อวัน มีพ่อค้า แม่ค้า มารับซื้อถึงที่ ไม่มีปัญหาเรื่องตลาด
การดำเนินงานขั้นตอนต่อไป กลุ่มสนใจจะร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายสมุนไพรชัยภูมิและอื่นๆ อีกทั้งนายศานิต นายก อบต.ยินดีให้พื้นที่แต่ละกลุ่มใช้ประชุมประจำเดือน พร้อมกับเร่งพัฒนาตลาดชุมชน ในพื้นที่ริมบึงหนองใหญ่โมเดล และส่งเสริมและรวมกลุ่มผู้สูงอายุในการปลูกพืชสมุนไพร
ตั้งเครือข่ายวิสาหกิจพืชสมุนไพร

นายกอบชัย บุญอรณะ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กรรมการมูลนิธิสัมมาชีพและที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ (ท่านแรกด้านซ้ายมือ)
ในวันที่ 26 ก.ค. 2565 นายกอบชัย บุญอรณะ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กรรมการมูลนิธิสัมมาชีพและที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และเครือข่ายสมาชิกโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง (LFC) ชัยภูมิ ได้ร่วมลงพื้นที่ด้วย พร้อมกับมีตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) คณะกรรมการประชารัฐชัยภูมิ และตัวแทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนแนวทางและวางแผนการดำเนินงานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกพืชสมุนไพร จังหวัดชัยภูมิ โดยมีเครือข่ายจำนวน 8 กลุ่ม จาก 5 อำเภอ รายงานการดำเนินงาน ดังนี้
1. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านไทรงาม อำเภอเมือง รายงานว่า กลุ่มเริ่มจากงานวิจัยของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อนำสมุนไพรมาแปรรูป มีเป้าหมายเป็นสมุนไพรอินทรีย์ มีสมาชิก 30 ราย พื้นที่ดำเนินการด 10 ไร่ ผลผลิตหลัก คือ ตะไคร้ ข่าเหลือง ขมิ้นชัน ขิง และแปรรูปเป็นยาหม่องขิง ชาขิง เมี่ยงขิง
2. กลุ่มสมุนไพรบ้านโคกสูง อำเภอเมือง เป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้น มีสมาชิก 7 คน มีพื้นที่ดำเนินการ 4 ไร่ ทำการผลิตว่านไพร ข่า ตะไคร้ วางแนวทางตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน
3. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนขุนดงสมุนไพร อำเภอคอนสวรรค์ สมาชิก 7 ราย พื้นที่ 8 ไร่ ผลผลิตปลูกขมิ้นชัน ตะไคร้
4. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพร อำเภอบำเน็จณรงค์ อยู่ระหว่างขอใบออแกนิค (ใบรับรองพืช-ผักปลอดสารพิษ) มีสมาชิก 17 ราย พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ปลูกขิง ขมิ้นชัน ข่าตะไคร้ ว่านไพร
5. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโนนทอง ส่องตะวัน อำเภอจตุรัส สมาชิก 100 ราย ปลูกตะไคร้ ข่า กระชาย หอมแดง กระเทียม การตลาดมีพ่อค้ามารับซื้อในพื้นที่ตลาดชุมชน
6. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฟาร์มเห็ดเพื่อสุขภาพ อำเภอหนองบัวระเหว ปลูกข่า ตะไคร้ เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า มีสมาชิก 9 ราย มีพื้นที่ 5 ไร่ ผลผลิตแปรรูปแหนมเห็ด ช่องทางตลาดเห็ดส่งฟาร์มเห็ดกาญจนา ส่วนตลาดสมุนไพร มีพ่อค้ามารับซื้อ
7. กลุ่มโคกมั่งมี อำเภอคอนสวรรค์ เป็นกลุ่มเริ่มต้นใหม่ มีสมาชิก 7 ราย พื้นที่ปลูก 11 ไร่ ผลผลิตหลัก คือ ข่า ตะไคร้ มีแนวทางจดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน และ
8. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ มีสมาชิก 30 ราย พื้นที่ปลูก 10 ไร่ ปลูก ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้นชัน ช่องทางตลาดส่งฟ้าทะลายโจร เพชรสังฆาต ให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมจัดตั้งคณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มผู้ปลูกสมุนไพร พร้อมยกระดับเป็น SE (Social Enterprise) ซึ่งเป็นแนวทางธุรกิจเพื่อสังคมในอนาคต แต่ต้องเพิ่มเติมให้ความรู้การดำเนินการ โดยนายกอบชัย เสนอว่า ไม่ห่วงเรื่องการตลาด แต่ขอทุกกลุ่มต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตต้นน้ำ และใส่ใจมาตรฐานการผลิต อีกทั้งต้องมีความรู้พัฒนาโครงสร้างการบริหารจัดการเป็นเครือข่ายด้วย
ตัวแทนจาก อบต.โพนทอง ที่ร่วมประชุมด้วย รายงานความต้องการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายผู้ปลูกสมุนไพร โดยระบุว่า อบต.โพนทอง มีพื้นที่สาธารณะจำนวน 60 ไร่ สามารถทำเป็นพื้นที่ปลูกแปลงรวมได้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานขั้นตอนต่อไป ที่ประชุมเห็นชอบจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชมสมุนไพรชัยภูมิ และชวนคณะกรรมการเครือข่าย จัดทำโครงสร้าง แบ่งบทบาท ทำแผนกลุ่มเครือข่าย แผนการผลิต การจัดการ การตลาด ทั้งนี้เบื้องต้นมีตัวแทนเครือข่ายร่วมเป็นคณะทำงานแล้ว ส่วนทีมที่ปรึกษา ได้แก่ บริษัทไทยเบฟ มูลนิธิสัมมาชีพ บริษัทประชารัฐชัยภูมิ องค์การบริหารส่วนจังหวัด สภาเกษตรและสหกรณ์
ติดตามมูลนิธิสัมมาชีพได้ที่
https://www.facebook.com/sammachiv
https://www.facebook.com/chumchonmeedee
https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods
https://www.instagram.com/sammachiv/